ไขความลับ เรื่องสุขภาพจาก hormone ที่หลั่งในขณะ นอนหลับ
ชีวิตที่เร่งรีบและะยุ่งเหยิงในยุคปัจจุบัน ทำให้แต่ละวันเราทุกคนต้องผจญกับภารกิจต่างๆมากมาย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องเข้านอนดึกหรือนอนน้อยเป็นประจำ และมีหลายคนที่คิดมองการ นอนหลับ พักผ่อนที่เพียงพอ นอนหลับดีและหลักลึกนั้นไม่สำคัญ จึงละเลยการสร้างสุขลักษณะ/สุขนิสัยที่ดีในการนอน ซึ่งความจริงแล้วการนอนหลับไม่ใช่เป็นเพียงการพักผ่อนแค่ชั่วคราว แต่ยังหมายถึงช่วงเวลาที่ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแรงและการเจริญเติบโตให้ร่างกาย ดังนั้นการนอนหลับให้เร็วและนอนเต็มอิ่มจึงดีที่สุด โดยในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความสุข เผาผลาญ และสุขภาพชนิดดีออกมา ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ห่างไกลจากโรค แถมยังช่วยดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย
การนอนหลับไม่ได้สำคัญแค่กับสมองเท่านั้น “การนอนหลับส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อเกือบทุกส่วนในร่างกายของเรา” ดร. ไมเคิล ทเวอรี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจาก NIH กล่าว “มันส่งผลต่อการเจริญเติบโตและความเครียด ฮอร์โมน ระบบภูมิคุ้มกัน ความอยากอาหาร การหายใจ ความดันโลหิต และ ชนระบบหัวใจและหลอดเลือดสุขภาพ.”
การตื่นเช้าเป็นกำไรของชีวิต ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินประโยคนี้ เพราะการเข้านอนเร็วและตื่นเช้ามีข้อดีต่าง ๆ มากมาย เนื่องจากเวลาที่เรานอนหลับนั้น สมองของเราจะหลั่งฮอร์โมน “Growth Hormone” ซึ่งในเด็ก ฮอน์โมนนี้จะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและความสูง ส่วนในผู้ใหญ่ ฮอร์โมยนี้จะช่วยในเรื่องของการซ่อมแซมร่างกาย เผาผลาญไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ผิวพรรณเปล่งปลั่งและสมานแผลอย่างมีประสิทธิภาพ
Growth Hormone หรือ ฮอร์โมนแห่งความเป็นหนุ่มสาว จะถูกหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลา 4 ทุ่ม ถึง ตี 2 เราจึงเรียกช่วงเวลานี้ว่า “นาทีทองของการนอนหลับ” หากได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพในช่วงเวลาดังกล่าวจะทำให้สมองสามารถผลิต Growth Hormone ได้อย่างเต็มที่
การนอนหลับดี หลับลึก ในช่วงเวลาดี ” นาทีทองของการนอนหลับ“ช่วยชะลอวัยได้?
ขณะที่เราหลับ นอกจากสมองจะผลิต Growth Hormone และ IGF-1 ออกมาแล้ว ยังมีการผลิตสารเมลาโทนิน (Melatonin) ที่นอกจากจะช่วยให้เราหลับสนิทแล้ว สารนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งสารเมลาโทนินนี้ถูกสร้างมากที่สุดในเวลากลางคืนขณะหลับสนิทและห้องมืดสนิท
ในขณะเดียวกัน หากเรานอนดึก ตื่นสาย สารเซโรโตนิน (Serotonin) หรือสารที่ทำให้เรามีความสุขสดชื่นตลอดทั้งวันก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้เกิดอาการเบื่อหน่าย อ่อนเพลียและเป็นโรคซึมเศร้าได้ และหากนอนไม่ครบ 7-8 ชม. ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเลปติน (Leptin) น้อยลง ซึ่งสารตัวนี้มีบทบาทในการควบคุมความอยากอาหาร
ดังนั้นหากอดนอนจะทำให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น ทำให้เราอ้วนได้ ทำให้ภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ลดลง ระบบความทรงจำก็จะมีประสิทธิภาพลดลงด้วย เพราะ Hippocampus(เป็นส่วนหนึ่งของสมองใหญ่ : มีบทบาทสำคัญในการจดจำข้อมูล การเรียนรู้ การจัดเก็บและเรียกคืนความทรงจำ) ส่วนประกอบสำคัญของสมองที่ทำหน้าที่ถ่ายโอนข้อมูลการเรียนรู้ระหว่างวันเข้าสู่ความทรงจำระยะยาว ซึ่ง Hippocampus จะทำงานได้ดีที่สุดตอนที่เราหลับเท่านั้น
ในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ ภายในร่างกายของเราจะเปรียบเหมือนมีคนแคระมากมาย (Autonomic nervous system) ช่วยกันทำงานที่ซับซ้อน อย่างเช่นการควบคุมหัวใจ ความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่นิ่งไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนตอนเราตื่น หรือพูดง่ายๆ ว่าการนอนหลับสามารถช่วยควบคุมความดันโลหิตได้ด้วย
นอกจากนี้เมื่อหลับสนิท ตับ ไต ลำไส้ ก็จะทำงานได้ดีขึ้น สังเกตได้ว่าหากคนอดนอนอาจจะมีปัญหาท้องผูก หน้าตาหม่นหมอง ไม่สดชื่น ที่สำคัญสุขภาพไม่ดี นั่นเพราะส่วนหนึ่งมาจากพิษของการนอนดึกด้วย ฉะนั้นหากนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอก็เปรียบเสมือนการได้ล้างพิษไปในตัวด้วย
สรุปได้ว่า การนอนเข้านอนเร็วก่อนสี่ทุ่มและตื่นเช้า จะช่วยทำให้นาฬิกาชีวิตของเราเดินอย่างสมดุล ไม่เร็วจนเกินไป หรือช่วยชะลอวัยได้นั่นเอง เพราะช่วงเวลาของการนอนหลับเปรียบเสมือนช่วงเวลาที่ได้รับรางวัลจากธรรมชาติ หากใครสามารถเข้านอนได้ตามเวลา หลับสนิทเต็มอิ่ม ผลที่ได้ก็คือสุขภาพที่ดีจนรู้สึกได้นั่นเอง รู้อย่างนี้แล้วเรามาเข้านอนก่อนสี่ทุ่มกันดีกว่านะคะ

ประโยชน์ของการนอนหลับดี
ได้รับฮอร์โมนกับความสุข ได้แก่
- เมลาโทนิน (Melatonin) หรือฮอร์โมนการนอน : เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้เรานอนหลับ ปกติจะหลั่งออกมาเวลา 23.00 – 01.30 น. โดยระดับเมลาโทนินในร่างกายจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเย็น สูงสุดในช่วงกลางคืน และลดลงในตอนเช้า เพราะฮอร์โมนชนิดนี้ถูกกระตุ้นโดยความมืดและถูกยับยั้งโดยแสงสว่าง ดังนั้นหากเราอยากนอนหลับได้ดี จึงควรเข้านอนให้ตรงเวลา ปรับสภาพแวดล้อมการนอนให้มืดสนิท ไม่มีแสงสว่างรบกวน
- คอร์ติซอล (Cortisol) : เป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น มีพลังต่อสู้ พร้อมรับมือกับปัญหาระหว่างวัน การอดนอนจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและอยู่ในภาวะตึงเครียด ร่างกายก็จะผลิตคอร์ติซอลออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะฮอร์โมนชนิดนี้มีฤทธิ์สลายกลูโคส กรดไขมัน และโปรตีนด้วย จึงทำให้ร่างกายเสื่อมเร็ว ด้วยเหตุนี้คนที่เคร่งเครียดมากๆ จึงดูแก่กว่าวัย
- ดีเอชอีเอ (DHEA | Dehydroepiandrosterone) หรือ ฮอร์โมนต้านความเครียด : ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ (Libido) และชะลอความเสื่อมของร่างกาย ที่สำคัญยังช่วยต้านฤทธิ์ของคอร์ติซอลเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเครียด ซึ่งหากเรานอนไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะหลั่งดีเอชอีเอออกมาน้อย จนนำไปสู่ภาวะเสพติดความเครียด และภาวะต่อมหมวกไตล้า สาเหตุสำคัญของการล้มป่วยและติดเชื้อเฉียบพลัน
โกรทฮอร์โมน (Growth Hormones) หรือฮอร์โมนชะลอความแก่ : มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเจริญเติบโต เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยย่อยน้ำตาลและไขมัน ทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานเป็นปกติ ซึ่งร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาในช่วงที่เราหลับลึกระหว่างเวลา 23.00 – 01.30 น. ดังนั้นเราจึงควรเข้านอนตั้งแต่ 22.00 น. หรือช้าที่สุด 23.00 น. เพราะหากเลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว ร่างกายก็จะไม่ผลิตโกรทฮอร์โมนเพื่อซ่อมแซมแล้ว
การนอนหลับดีและหลับสนิทส่งผลให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเซลล์ และฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งช่วยให้หลับสนิทและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ การนอนหลับที่มีคุณภาพยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรับสมดุลอารมณ์ และทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
ประโยชน์อื่นๆ ของการนอนหลับที่ดี
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: การนอนหลับเพียงพอช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น.
- การทำงานของสมอง: ช่วยให้สมองแจ่มใส คิดได้ชัดเจน มีปฏิกิริยาตอบสนองที่เร็วขึ้น และใส่ใจรายละเอียดได้ดีขึ้น.
แหล่งอ้างอิง
- ตนุพล วิรุฬหการุญ. นอนถูกวิธี สุขภาพดีตลอดชีวิต. พิมพ์คร้ังที่ 4. กรุงเทพฯ: อมรินทร์เฮลท์ อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับบลิชชิ่ง; 2561.
- What Happens When You Sleep?. [ sleepfoundation.org ]
- Stages of Sleep. [ sleepfoundation.org ]
- Scott, A. J., et al. “Improving sleep quality leads to better mental health: A meta-analysis.” PMC (2021)
- Ramar, K., et al. “Sleep is essential to health.” Journal of Clinical Sleep Medicine
- Patel, A. K. “Physiology, Sleep Stages.” StatPearls (2024).
- Bollu, P. C., et al. “Sleep Medicine: Insomnia and Sleep.” PMC (2019).
- Baranwal, N., et al. “Sleep physiology, pathophysiology, and sleep hygiene.” (2023).
- Khosravi, M., & Khosravi, R. “Effectiveness of non-invasive brain stimulation in improving sleep quality




