Homocysteine คืออะไร
Homocysteine เป็นกรดอะมิโนที่จะสร้างกรดอะมิโนตัวอื่นโดยอาศัยวิตามิน บี6 บี12และกรดโฟลิก ถ้าขาดวิตามินดังกล่าว Homocysteine จะไม่ถูกเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนตัวอื่น ทำให้มีสาร Homocysteine สูงในเลือดและจะทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดการกระตุ้นการอุดตันของลิ่มเลือดตามมา และเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังด้านในของหลอดเลือดโดยตรง
ดังนั้น ถ้ามี Homocysteine ในเลือดเพิ่มสูงขึ้นเป็นเวลานานติดต่อกัน ผนังด้านในหลอดเลือดจะเริ่มขรุขระและเริ่มมีตะกรันไขมันมาสะสม ในที่สุดก็จะเกิดการอุดตันหรือตีบแคบลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อหลอดเลือดทั่วร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลอดเลือดที่มีขนาดเล็ก เช่น หลอดเลือดหัวใจ นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้มีอาการ อัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้เร็วกว่าวัยอันควร
โฮโมซิสเทอีน(Homocystein)ทำหน้าที่อะไร?
เมื่อ homocysteine ทำปฏิกิริยากับวิตามินบี (Vitamin B)โฮโมซิสเทอีนจะเปลี่ยนเป็นสาร 2 ชนิด:
- เมทไธโอนีน(Methionine) :เป็นกรดอะมิโนจำเป็นและสารต้านอนุมูลอิสระที่สังเคราะห์ (สร้าง) โปรตีน
- ซิสเทอีน(Cysteine) :เป็นกรดอะมิโนที่ไม่จำเป็นที่สังเคราะห์จากเมไทโอนีน ซึ่งช่วยลดการอักเสบ เพิ่มการสื่อสารระหว่างเซลล์ที่สร้างภูมิคุ้มกัน และทำให้ตับมีสุขภาพดี
โฮโมซิสเทอีนที่สูงเกินไป จะเกิดอะไร?
- ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง : ระดับโฮโมซิสเทอีน ประมาณ 5-15 ไมโครโมลต่อลิตร (mcmol/L) โดยโฮโมซิสเทอีนเกือบทั้งหมดจะถูกปลี่ยนเป็นโปรตีนชนิดอื่น
- ผู้ที่มีระดับโฮโมซิสเทอีน >50 ไมโครโมลต่อลิตร(McMillan/L) โฮโมซิสเทอีนที่มากเกินไปอาจไปทำลายเยื่อบุหลอดเลือดแดง (หลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดที่มีออกซิเจนไปทั่วร่างกาย) และทำให้เกิดลิ่มเลือดหรือหลอดเลือดอุดตันได้ ความเสียหายของหลอดเลือดแดงหรือลิ่มเลือดจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการหัวใจวาย สูงขึ้นมาก
ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้ Homocysteine ในเลือดสูง
- ขาดวิตามินบี12, บี6 หรือโฟเลต
- กรรมพันธ์
- โรคหัวใจ
- รับประทานอาหารพวกโปรตีนมากเกินไป
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และะคาเฟอีน
- โรคทางพันธุกรรมที่หายาก เช่น โฮโมซิสตินูเรีย(Homocysteinuria) (เมื่อร่างกายไม่สามารถประเมินกระบวนการทำงานของเมทไธโอนีนได้)
ระดับโฮโมซิสเทอีนสูงมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
- ลิ่มเลือด
- โรคสมองเสื่อม
- อาการหัวใจวาย
- โรคหัวใจ
- โรคกระดูกพรุน
โฮโมซิสเทอีนจำเป็นต้องตรวจเมื่อไร?
แนะนำควรต้องตรวจระดับโฮโมซิสเทอีน หากพบว่ามีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจ เเละมีอาการขาดวิตามินบี อาการทั่วไปของการขาดวิตามินบี ได้แก่:
- อาการวิงเวียนศรีษะ
- ความเหนื่อยล้า
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ผิวซีด
- อาการเสียวซ่าที่เท้า แขน หรือมือ
- อาการเจ็บลิ้นหรือปาก
ปัจจัยอื่นที่ทำให้ระดับโฮโมซีสเตตินในเลือดสูง
ระดับโฮโมซิสเทอีนที่ผิดปกติไม่ได้บ่งชี้ว่าเรามีอาการป่วยใดๆ ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อระดับโฮโมซิสเทอีนในเลือดสูงขึ้นได้แก่:
- อายุมากขึ้น
- เพศชาย
- การดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป
- การสูบบุหรี่
ลักษณะอาการผิดปกติเมื่อค่าของสารโฮโมซีสทีนสูงจะมีลักษณะอย่างไร
อาการจะมีลักษณะคล้ายกับอาการของภาวะไขมันในเลือดสูงเหมือนกัน อาจมาพบแพทย์ด้วยเรื่องของอาการเจ็บแน่นหน้าอก ในกรณีของผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือมีอากาอัมพฤกษ์ – อัมพาตเกิดขึ้น ในกรณีของผู้ป่วยที่มีปัญหาของหลอดเลือดโดยทั่วไปในสมองอุดตัน
การดูแลควบคุมระดับของ Homocysteine ในเลือด
- รับประทานอาหารเสริม กลุ่มวิตามิน บี6,วิตามินบี12 และกรดโฟลิก(พบมากในผลไม้และผักใบเขียว)
- การหลีกเลี่ยงหรือเลิกสูบบุหรี่
- บริโภคโซเดียมน้อยกว่า 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน
- ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้ง
- ลดความเครียด ทำจิตใจให้สบาย
หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง และอยากป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรคนี้ด้วยการตรวจเช็คสุขภาพ
รายการตรวจที่แนะนำสำหรับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ คือ
- hs – CRP (High Sensitivity C-reactive Protein Test)
- Homocysteine
- Fibrinogen
- D-dimer
แม้ว่าโรคหลอดเลือดสมองนี้จะอันตรายก็จริง แต่หากเรารู้สัญญาณเตือนของโรคก็จะช่วยทำให้เรารู้ว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ และหากความเสี่ยงนั้นเป็นสิ่งที่เราแก้ไขได้ เราควรรีบแก้ไขและหลีกเลี่ยงให้ทันท่วงที เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและ