กรดยูริก Uric Acid

กรดยูริก ในเลือด บอกอะไรเราได้?

การตรวจ กรดยูริก (Uric Acid test) ในเลือด คือ การตรวจวัดปริมาณของกรดยูริกเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเกาต์ (Gouts) ติดตามการรักษาโรคเกาต์ รวมทั้งผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัดหรือการฉายรังสี  และยังเป็นการตรวจที่อาจใช้เป็นสัญญาณบ่งชี้สุขภาพของไตได้ด้วย

กรดยูริก คืออะไร

กรดยูริก (Uric acid) คือ สารประกอบเคมี ซึ่งเป็นสารของเสียที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีสารพิวรีน (Purine) เป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย เเละอาหารที่มีสารพิวรีนสูง ได้แก่   เนื้อแดงของวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ฯลฯ

กรดยูริกในเลือดนี้หากมีการสร้างและกำจัดออกได้ตามปกติก็จะไม่มีผลต่อร่างกาย   แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีการสร้างกรดยูกริกมากเกินไป   หรือมีการกำจัดกรดยูริกออกจากร่างกายได้น้อยเกินไป (Decreased excretion) ก็จะทำให้ระดับของกรดยูริก (Uric acid) ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น  ซึ่งหากสูงเป็นเวลานานมันก็จะตกผลึกจับตัวกันเป็นของแข็งและกลายเป็นคริสตัล (Crystals) แทรกอยู่ในช่องว่างระหว่างข้อต่อและกระดูก ส่งผลทำให้เกิดอาการปวดร้าวตามข้อกระดูกต่าง ๆ หรือที่เรียกว่าโรคเกาต์ (Gout) นั่นเอง

ค่าปกติของ กรดยูริก ในเลือด

  • ผู้ชาย คือ 4.0 – 8.5 mg/dL
  • ผู้หญิง คือ 2.7 – 7.3 mg/dL
  • เด็ก คือ 2.5 – 5.5 mg/dL
  • ค่าวิกฤติคือ มากกว่า 12 mg/dL

สาเหตุที่ทำให้ค่ายูริกสูงเกินค่าปกติ

  • การบริโภคอาหารที่มีสารพิวรีนสูงมากเกินไป
  • การที่ร่างกายสร้างกรดยูริกเพิ่มสูงขึ้นเอง
  • การที่ไตขับกรดยูริกออกทางน้ำปัสสาวะได้น้อยกว่าปกติ
  • จากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ความดันโลหิตสูง ฯลฯ
  • โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
  • การใช้ยารักษาโรคบางขนิด
  • พันธุกรรม (มีคนในครอบครัวเป็นโรคเกาต์มาก่อน)
  • เพศ โดยเพศชายเสี่ยงมากกว่า ช่วงอายุ 40-50 ปี ส่วนผู้หญิงมักเริ่มภายหลังหมดประจำเดือน
Uric acid parametre

ค่า Uric acid ที่ต่ำกว่าปกติ

  • โรควิลสัน (Wilson’s disease) ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายได้เก็บสะสมธาตุทองแดงไว้มากเกินจำเป็นจนเกิดพิษต่อไต ทำให้ไตปล่อยทิ้งบรรดาสารชีวเคมีไปกับน้ำปัสสาวะ รวมทั้งกรดยูริกอย่างไร้เหตุผลและไร้การควบคุม จึงทำให้ค่ากรดยูริก (Uric acid) ในเลือดเหลือต่ำผิดปกติ
  • กลุ่มอาการแฟนโคนีซินโดรม   (Fanconi’s syndrome)  ซึ่งเป็นภาวะที่ไตมีความผิดปกติบกพร่อง มักเกิดจากพันธุกรรม
  • เกิดจากการกินยารักษาโรคอื่นแล้วมีผลข้างเคียงในระดับที่สร้างความเสียหายต่อไต    ทำให้ไตหมดสภาพที่จะดูดซึมกลับบรรดาสารชีวเคมีสำคัญคืนเอามาให้ร่างกายได้ใช้อีก  โดยตัวอย่างสารที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้และไม่สมควรปล่อยทิ้งไปกับปัสสาวะ เช่น กรดอะมิโน สารฟอสเฟต สารไบคาร์บอเนต รวมทั้งกรดยูริก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ค่ากรดยูริก (Uric acid) ในเลือดมีระดับต่ำผิดปกติ
  • เกิดจากอาการที่ฮอร์โมนยับยั้งการปล่อยทิ้งน้ำได้หลั่งออกมามากอย่างไม่เหมาะสม (SIADH) เป็นผลทำให้ไตถูกยับยั้งให้มีการปล่อยทิ้งน้ำออกมาเป็นปัสสาวะ  จึงมีผลต่อเนื่องทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ แล้วทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง จึงทำให้ค่ากรดยูริก (Uric acid) ต่ำลง

  • เกิดจากการตั้งใจแรงกล้าที่จะลดค่ากรดยูริก (Uric acid) ลงมาให้ได้ ด้วยการบริโภคแต่อาหารที่มีสารพิวรีน (Purine) ต่ำที่สุด เช่น การเปลี่ยนมากินอาหารมังสวิรัติ ในการนี้จึงเป็นผลทำให้ค่ากรดยูริกในเลือดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
  • เกิดจากยารักษาโรคบางชนิด ยาบางชนิดอาจมีผลทำให้ค่ากรดยูริกในเลือดที่ตรวจพบสำแดงค่าต่ำผิดปกติกว่าที่จะเป็นได้ เช่น กลุ่มยาโคลไฟเบรต (Clofibrate) ที่ใช้ลดไขมันในเลือด, กลุ่มยาเอสโตรเจน (Estrogen) ที่ใช้ทดแทนในสตรีในวัยหมดประจำเดือน, กลุ่มยาวาร์ฟาริน (Warfarin) ที่ใช้ละลายลิ่มเลือดหรือทำให้เลือดใส, น้ำตาลกลูโคสที่ใช้ทดแทนอาหารในผู้ป่วยที่มีปัญหาการบริโภคทางปาก ฯลฯ

ค่า Uric acid ที่สูงกว่าปกติ

สามารถแยกได้เป็น 2 กรณี คือ

กรณีแรก : ไตมีสภาพปกติดี เเละมีการสร้างกรดยูริกเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้นอย่างผิดปกติ แม้ไตยังมีสภาพปกติดี แต่ก็ขับทิ้งกรดยูริกออกทางปัสสาวะได้ไม่ทัน จึงทำให้ตรวจพบค่ากรดยูริกในเลือด (Uric acid) สูงกว่าปกติ

อาจเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีน (Purine) มากเกินไป

  1. กลุ่มอาหารที่มีสารพิวรีนสูง ที่ควรลดหรือหลีกเลี่ยง คือ
    • เนื้อสัตว์ที่มีสีแดง ได้เเก่ เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อกวาง ฯลฯ
    • เครื่องในสัตว์ทุกชนิด : โดยเฉพาะตับ
    • อาหารทะเล : หอย ปู กุ้ง ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีน ปลาเทราท์ ปลาแฮริง ไข่ปลาคาร์เวียร์ (ทั้งสดและปลากระป๋อง)
    • อาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ยีสต์เป็นส่วนประกอบ ได้เเก่ เบียร์ ไวน์ มาร์ไมท์ หรือขนมปัง

    • เห็ดต่างๆ

    • ผักต่างๆ ได้แก่ กะหล่ำดอก กระถิน ชะอม ดอกสะเดา ยอดแค ยอดผัก และหน่อไม้ฝรั่ง

      อาหารและเครื่องดื่มที่ใช้ยีสต์เป็นส่วนประกอบ ได้เเก่ เบียร์ ไวน์ มาร์ไมท์ หรือขนมปัง

    • ถั่วต่างๆ

  2. กลุ่มอาหารที่มีสารพิวรีนต่ำ

แนะนำให้รับประทานเป็นประจำ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต แป้ง ไข่ เต้าหู้ นมพร่องไขมัน โยเกิร์ต เนย ช็อกโกแลต ชา กาแฟ ผักที่ไม่ใช่ยอดอ่อน หัวกะหล่ำ ผลไม้สดทุกชนิดผ ธัญพืช เป็นต้น

    • เกิดจากความผิดปกติของการสร้างสารพิวรีนในร่างกาย :  โดยสารประกอบพิวรีนเป็นองค์ประกอบประมาณครึ่งหนึ่งของ DNA ถ้ามีความผิดปกติใด ๆ ของตับในการเผาผลาญพิวรีนเกิดขึ้น ก็อาจทำให้การสร้างเซลล์ใหม่ขาดวัตถุดิบจนถึงขั้นผิดเพี้ยนและโอกาสที่จะเกิดเซลล์กลายพันธุ์และกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้  หากตรวจพบค่ากรดยูริกในเลือดมีระดับสูงมาก ๆ ในขณะที่ไตยังทำงานปกติ  ก็ควรนึกถึงการแพร่กระจายของมะเร็งว่าอาจเกิดจากมะเร็งไขกระดูก (Multiple myeloma) หรืออาจเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) ด้วย
    • อาจเกิดจากภาวะเม็ดเลือดแดงแตกสลาย (Hemolysis) :  จึงทำให้กรดนิวคลิอิก (Nucleic acid) หลุดออกสู่กระแสเลือดและเปลี่ยนเป็นกรดยูริก ส่งผลทำให้ค่ากรดยูริกในเลือดสูงขึ้น
    • อาจเกิดจากสาเหตุใด ๆ ที่ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อสลาย (Rhabdomyolysis) เพราะกรดยูริกจะเป็นผลผลิตสุดท้ายของการสลายที่ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ค่ากรดยูริกในเลือดสูงขึ้น เช่น การรับประทานยากลุ่มสแตติน (Statins) ซึ่งเป็นยาลดคอเลสเตอรอล จะมีผลข้างเคียงที่อาจทำให้ผู้กินยาเกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายได้ โดยสิ่งที่สลายเเละลอยอยู่ในเลือดนั้นก็เป็นพิษต่อไต และส่วนหนึ่งคือกรดยูริก (Uric acid)
    • อาจเกิดความเป็นพิษจากสารตะกั่ว (Lead poisoning) เนื่องจากการได้รับสารตะกั่วเป็นเวลานานจนกระทั่งมีผลไปทำลายตับ สาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน โรคสะเก็ดเงิน ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ภาวะ Hypertriglyceridemia เป็นต้น
low Purine food

กรณีที่ 2 : ไตมีปัญหา โดยไม่ได้กินอาหารที่มีสารพิวรีนสูง (Purine) แต่ระดับค่ากรดยูริก (Uric acid) ในเลือดก็ยังสูง  ซึ่งอาจเกิดจาก

  • โรคไตเรื้อรัง (Chronic renal disease) เป็นเหตุทำให้ขับของเสียต่าง ๆ รวมทั้งกรดยูริกออกจากร่างกายได้น้อยลง จึงทำให้กรดยูริก (Uric acid) สะสมในอยู่ในกระแสเลือดจนมีระดับที่สูงขึ้นกว่าปกติ ร่างกายอาจกำลังย่างเข้าสู่โรคไตวาย (Renal failure) ซึ่งจะมีผลทำให้กรวยไตกรองของเสียออกสู่ปัสสาวะได้น้อยลงตามลำดับ แล้วมีผลต่อเนื่องทำให้บรรดาของเสียต่าง ๆ รวมทั้งกรดยูริกเกิดท่วมท้นหรือคับคั่งในเลือดหรือมีค่าสูงขึ้นผิดปกติ (ค่ากรดยูริกที่สูงขึ้นผิดปกตินั้น อาจใช้เป็นตัวช่วยบ่งชี้ความผิดปกติของไตอย่างหนึ่งได้)
  • อาจเกิดจากการมีนิ่วในไต (Nephrolithiasis) หมายถึงนิ่วที่ไปขัดขวางการไหลของปัสสาวะที่ผ่านท่อภายในไตเอง หรือนิ่วที่ขัดขวางการไหลผ่านท่อปัสสาวะจากไตลงมาสู่กระเพาะปัสสาวะ เมื่อน้ำปัสสาวะไหลได้ไม่สะดวกก็จะมีผลมากพอที่จะทำให้ไตขับทิ้งสารของเสียทั้งหลายออกทางน้ำปัสสาวะได้ไม่สะดวก จึงทำให้สารของเสียรวมทั้งกรดยูริกเกิดการคับคั่งมีระดับสูงขึ้นในเลือด (ค่ากรดยูริกที่สูงขึ้นผิดปกติในเลือดนั้น อาจช่วยบ่งชี้ว่ากำลังมีโรคนิ่วในไต)
  • อาจเกิดจากโรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism) : เพราะแอลกอฮอล์จะไปเร่งตับให้ส่งของเสียรวมทั้งกรดยูริกเข้าสู่กระแสเลือดจนปิดกั้นกรวยไต ทำให้ไตขับทิ้งออกจากร่างกายไม่ทัน เป็นผลทำให้กรดยูริก (Uric acid) ในเลือดมีค่าสูงเกินปกติ
  • อาจเกิดจากสภาวะความเป็นกรดจากโรคเบาหวาน (Diabetic acidosis) หรือจากการอดอาหาร (Starvation acidosis) เนื่องจากน้ำตาลจากเบาหวานหรือสารคีโตน (Ketone) จากการอดอาหารจะไปปิดช่องทางของกรวยไต ทำให้ลดประสิทธิภาพการขับของเสียออกจากร่างกาย และเป็นผลทำให้กรดยูริก (Uric acid) ในเลือดมีค่าสูงเกินปกติ
  • อาจเกิดจากภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (Hypothyroidism) :เพราะต่อมไทรอยด์มีบทบาทในการควบคุมการเผาผลาญอาหาร เมื่อมันลดบทบาทลงก็จะทำให้ร่างกายเผาผลาญอาหารเกินความจำเป็น มีผลทำให้น้ำหนักร่างกายเพิ่มขึ้นและเกิดความผิดปกติอีกหลายอย่าง แต่ที่สำคัญคือ จะเพิ่มระดับกรดยูริกมากขึ้นในกระแสเลือด
  • อาจเกิดจากครรภ์เป็นพิษหรือโรคพิษแห่งครรภ์ (Toxemia of pregnancy) เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ต้องรีบปรึกษาแพทย์
  • อาจเกิดจากครรภ์เป็นพิษหรือโรคพิษแห่งครรภ์ (Toxemia of pregnancy) เรื่องนี้นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ต้องรีบปรึกษาแพทย์
  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคอ้วน, โรคความดันโลหิตสูง, ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ, ภาวะขาดน้ำ ฯลฯ

แชร์บทความนี้ :

สอบถามรายละเอียด หรือ นัดหมายการตรวจ

ทีแอลซี อุดร แลบเซ็นเตอร์ (สาขา อุดรธานี)

ขอนแก่น ทีแอลซี แลบเซ็นเตอร์ (สาขา ขอนแก่น)

โกลบอล ทีแอลซี ยูดี เมดิคอลแลบ (สาขา กรุงเทพฯ)

You cannot copy content of this page