วิตามินอี - vitamin E

วิตามินอี มีดีอย่างไร?

วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (Tocopherol) เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน จัดเป็นหนึ่งในวิตามินที่สำคัญที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับ โดยวิตามินอีจะช่วยป้องกันการแตกของเม็ดเลือดแดง ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและการอุดตันของเส้นเลือด ลดการเกิดกระบวนการอักเสบในร่างกาย ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ และยังมีฤทธิ์อื่นๆ อีกมากมาย มีหน้าที่เบื้องต้นเสมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อถูกทำลาย หรือที่รู้จักกันในชื่อของ “สารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidants)”

วิตามินอี คืออะไร?

วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน เป็นวิตามินที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยบำรุงสมอง ดวงตา ผิวหนัง และเซลล์ในร่างกายของเรา

วิตามินอี อยู่ในอาหารประเภทใดบ้าง?

วิตามินอีพบในอาหาร ได้แก่ ไข่ พืช ผัก ผลไม้ อาหารจำพวกถั่ว เช่น ในถั่วอัลมอนด์ มะเขือเทศ ผักโขม น้ำมันมะกอก ผักโขม มะม่วง กีวี่

วิตามินอี - vitamin e

วิตามินอีมีประโยชน์อย่างไร?

  • ช่วยบำรุง สมอง ดวงตา ผิวพรรณ และเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • ช่วยปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ หรือโมเลกุลที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ และโรคหัวใจ
  • ช่วยชะลอโรคอัลไซเมอร์ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในระยะแรกและระยะกลาง
  • สำคัญต่อระบบสืบพันธุ์ พบว่าอาการที่เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินอี เช่น การแท้งบุตร และ ภาวะการคลอดก่อนกำหนด

ร่างกายขาดวิตามินอี จะเป็นอย่างไร?

อาการที่สังเกตได้คือ

  • เรื่องประสาทการรับสัมผัส ผู้ที่ขาดวิตามินอีจะรู้สึกชา
  • อาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการขาดวิตามินอี ได้แก่ ความผิดปกติทางระบบประสาท ระบบเลือด ระบบสืบพันธุ์

ร่างกายได้รับวิตามินอีมากเกินไป จะมีอาการอย่างไร?

โดยปกติร่างกายจะรับปริมาณวิตามินอีขนาดสูงได้ดี แต่อาจพบ

  • อาการท้องอืด
  • อาเจียน
  • ท้องร่วง
  • ท้องเสีย
  • ปวดท้อง
  • ปวดหัว
  • ตาพร่า
  • อ่อนเพลีย เมื่อยล้า บางราย

ประโยชน์ของ วิตามินอี

วิตามินอียังมีบทบาทในการเป็นยารักษาโรค โดยทางด้านการแพทย์ ได้แก่

  • โรคโลหิตจางในทารกแรกคลอดเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก
  • รักษาโรคขาดสารอาหาร
  • รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อขาเวลาเดิน
  • ใช้สำหรับต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บอื่นๆ อีกมากมาย
  •  

เครื่องสำอาง : วิตามินอีเป็นวิตามินที่นำมาใช้เป็นจำนวนมากในเครื่องสำอางสำหรับผิว โดยใช้

  • เป็นสารกันหืน
  • ใช้เป็นสารให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
  • ใช้ผสมในครีมกันแดด เพื่อช่วยเร่งการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยลดความเกรียมแดดของผิวหนัง
  • ช่วยสมานผิวหนัง

อาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยจะใช้เพื่อ

  • บำรุงร่างกาย
  • ป้องกันการเกิดโรค
  • ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ(antioxidant)ที่ทำให้เกิดโรคต่างๆมากมาย

ปริมาณของวิตามินอี(Vitamine E)ที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือเท่าไหร่?

  • วัยรุ่นและผู้ใหญ่มีความต้องการวิตามินอี อย่างน้อย 15 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ใหญ่สามารถรับปริมาณวิตามินอีสูงสุด เท่ากับ 1000 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็กอายุระหว่าง 1-30 ปี สามารถรับปริมาณวิตามินอีได้สูงสุด เท่ากับ 200 มิลลิกรัมต่อวัน

     
ปริมาณความต้องการวิตามินอีที่เหมาะสม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทาน

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

สามารถตรวจหาระดับวิตามินอี(Vitamin E)โดยการเจาะเลือดโดยไม่ต้องงดน้ำและอาหาร

เอกสารอ้างอิง

  • Burton GW, Ingold KU. Autoxidation of biological molecules: 1. The antioxidant activity of vitamin E and related chain-breaking phenolic antioxidants in vitro. J Am Chem Soc. 1981;103:6472–7.
  • Brigelius-Flohé R, Traber MG. Vitamin E: Function and metabolism. FASEB J. 1999;13:1145–55.
  • Sesso HD, Buring JE, Christen WG, Kurth T, Belanger C, MacFadyen J, et al. Vitamins E and C in the prevention of cardiovascular disease in men: The Physicians’ Health Study II randomized controlled trial. JAMA. 2008;300:2123–33

แชร์บทความนี้ :

สอบถามรายละเอียด หรือ นัดหมายการตรวจ

ทีแอลซี อุดร แลบเซ็นเตอร์ (สาขา อุดรธานี)

ขอนแก่น ทีแอลซี แลบเซ็นเตอร์ (สาขา ขอนแก่น)

โกลบอล ทีแอลซี ยูดี เมดิคอลแลบ (สาขา กรุงเทพฯ)

You cannot copy content of this page