Magnesium

แมกนีเซียม มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?

แมกนีเซียม (Magnesium) มีประโยชน์ในการสร้างความแข็งแรงของกระดูก และยังช่วยการทำงานของระบบประสาท ระบบหัวใจ และช่วยลดน้ำตาลในเลือดที่อาจก่อให้เกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย

แมกนีเซียม (Magnesium) คืออะไร?

แมกนีเซียม (Magnesium) คือ แร่ธาตุสำคัญอย่างหนึ่งที่จำเป็นต่อการทำงานของหลายส่วนในร่างกายมนุษย์ เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อกระบวนการทำงานของเอนไซม์กว่า 300 ระบบ ทั้งในส่วนของการเสริมสร้าง และซ่อมแซมโครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบประสาท เเละยังสังเคราะห์โปรตีน ควบคุมระดับน้ำตาล และความดันโลหิต และยังจำเป็นต่อการสร้างพลังงานของร่างกาย โดยร่างกายจะได้รับแมกนีเซียมจากการกินอาหาร ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

  • หากร่างกายมีระดับแมกนีเซียมที่ต่ำกว่าปกติ อาจส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า อาการทางสุขภาพสมอง ปัญหาการนอนหลับ ความไม่สมดุลของน้ำตาลในเลือด ปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ ปัญหาสุขภาพกระดูก และปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่นเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • หากขาดแมกนีเซียมรุนแรงอาจมีอาการเหน็บชา ชัก เกร็ง หัวใจเต้นผิดจังหวะได้
  • หากกินแมกนีเซียมมากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย คลื่นไส้ หรือท้องอืด และอาจทำให้เกิดอาการไตวาย ความดันโลหิตต่ำ ปัสสาวะไม่ออก คลื่นไส้ อาเจียน ซึมเศร้า ง่วงซึม หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จนถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • การเพิ่มระดับแมกนีเซียมให้เหมาะสมผ่านอาหารและอาหารเสริมถือเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน

ประโยชน์ของ แมกนีเซียม (Magnesium) ต่อร่างกาย

แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เเละประโยชน์ของแมกนีเซียมที่มีต่อสุขภาพร่างกายของเราทุกคน มีดังต่อไปนี้

1. เสริมสร้างสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง

เนื่องจากแมกนีเซียม 50–60% ของในร่างกายพบได้ในกระดูก จากหลายผลการวิจัยมีการวิเคราะห์ว่า การได้รับแมกนีเซียมที่เพียงพอจะ

  • ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก
  • ช่วยเพิ่มการเสริมสร้างกระดูก
  • ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
  • ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

2. ช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างปกติ

จากผลวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของแมกนีเซียมที่มีต่อโรคหลอดเลือดสมอง พบว่าแมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบหัวใจ และหลอดเลือด ช่วยลดความดันเลือดให้อยู่ในระดับปกติ ลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง

3. ควบคุมโรคเบาหวาน

จากผลวิจัยเรื่องการบริโภคแมกนีเซียมกับโรคเบาหวานพบว่า การกินแมกนีเซียมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลิน และการตรวจจับกลูโคสในเลือด จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ส่งผลดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน โรคเบาหวาน

4. ลดความวิตกกังวล/ความเครียด

ผลงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผู้ที่มีระดับแมกนีเซียมต่ำ จะมีภาวะความเครียดสูง ดังนั้นการกินแมกนีเซียมให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ จะช่วยลดความเครียด ลดการวิตกกังวล และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าได้

magnesium reduces stress

5. ภาวะซึมเศร้า

แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อสุขภาพจิตและสุขภาพสมอง มีประโยชน์ในการลดความเครียดและความวิตกกังวล แต่ก็อาจช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า  มีผลงานวิจัย ที่พบว่าแมกนีเซียมอาจมีบทบาทในการป้องกันภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล

6. ช่วยเรื่องระบบประสาท

แมกนีเซียมช่วยให้การทำงานของระบบประสาทเป็นไปอย่างปกติ มีหน้าที่ในการส่งกระแสประสาทไปยังสมองและส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. อาการปวดหัว

แมกนีเซียมช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและอาการปวดศีรษะที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดศีรษะจากความเครียดได้

8. บรรเทาอาการต่างๆ ก่อนมีประจำเดือน

การได้รับแมกนีเซียมที่เพียงพอควบคู่กับวิตามินบี 6 จะช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่างๆ ก่อนมีประจำเดือนได้ เช่น อาการบวมน้ำ อาการปวดท้อง อ่อนเพลีย หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน ไมเกรน รวมไปถึงอาการผิดปกติของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

ปริมาณ แมกนีเซียม ที่ควรกินเท่าไหร่ดี?

โดยปกติปริมาณแมกนีเซียมที่ควรกินในแต่ละช่วงอายุ และเพศ จะแตกต่างกัน ดังนี้

อายุชาย (มิลลิกรัม)หญิง (มิลลิกรัม)
แรกเกิด - 6 เดือน3030
7 - 12 เดือน8080
1 - 3 ปี130130
4 - 8 ปี240240
9 - 13 ปี240240
14 - 18 ปี410360
19 - 30 ปี400310
31 - 51 ปี420320
สตรีมีครรภ์-ให้นมบุตร350

ปริมาณ แมกนีเซียม ที่ควรกินเท่าไหร่ดี?

แมกนีเซียมพบได้ในแหล่งอาหารหลายชนิด รวมถึงธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว เมล็ดพืช พืชตระกูลถั่ว ผักและผลไม้หลายชนิด ดังนี้

ถั่วและธัญพืช

อาหารที่มีปริมาณแมกนีเซียมสูง คือถั่วและธัญพืช เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ นมถั่วเหลือง ถั่วแระ เนยถั่ว ฯลฯ

อะโวคาโด

อะโวคาโดยเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่มีประโยชน์ต่อหัวใจ

มีงานวิจัยพบว่า การกินอะโวคาโดสามารถลดอาการอักเสบ เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล และเพิ่มความรู้สึกอิ่มหลังมื้ออาหารได้

  • อะโวคาโด 1 ผล มีแมกนีเซียม 58 มก

เต้าหู้

เต้าหู้เป็นอาหารมังสวิรัติ  โดยหนึ่งมื้อยังให้โปรตีน 10 กรัม และมีแคลเซียม เหล็ก แมงกานีส ซีลีเนียมในปริมาณเหมาะสม  เเละมีหลายงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า การกินเต้าหู้ และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอื่นๆ สามารถปกป้องเซลล์ที่เยื่อบุหลอดเลือดแดงได้

  • เต้าหู้  35  ออนซ์(100 กรัม) มีเเมกนีเซียม  35 มก.

กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซึ่งสามารถลดความดันโลหิตได้ และอุดมไปด้วยแมกนีเซียม นอกจากนี้กล้วยสุกมีน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตสูงกว่าผลไม้อื่นๆ

  • กล้วยลูกใหญ่ 1 ลูก  มีเเมกนีเซียม  37  มก.

ผักใบเขียว

ผักใบเขียวมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเต็มไปด้วยแมกนีเซียม อาทิ ผักเคล ผักโขม ผักกะหล่ำปลี หัวผักกาด และผักกาดเขียว ซึ่งผักใบเขียวยังช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย และอาจลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิดได้

  • ยกตัวอย่าง เช่น ผักโขมสุก 1 ถ้วย (180 กรัม) มีแมกนีเซียม 158 มก.

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

แนะนำให้กินอาหารเสริม แมกนีเซียม ที่มีแคลเซียมและวิตามินดีอยู่ด้วยกัน เพราะจะทำงานควบคู่ได้ได้ดียิ่งขึ้น และการกินแมกนีเซียมควรกินพร้อมกับมื้ออาหารเพื่อให้ดูดซึมง่าย เว้นแต่จะมีคำแนะนำอื่นจากแพทย์

food for magnesium

อาการและสัญญาณของการขาดแมกนีเซียม

  • อาการอ่อนเพลียและง่วงนอน
  • อาการคลื่นไส้อาเจียน
  • อาการเบื่ออาหาร
  • รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม
  • อาการกล้ามเนื้อกระตุก การหดตัวของกล้ามเนื้อ
  • อาการตะคริว ชา
  • การเต้นของหัวใจผิดปกติ อาการหัวใจเต้นกระตุก
  • ความดันโลหิตสูง
  • ความสามารถในการตื่นตัวเกินปกติ
  • สั่น
  • อาการชัก
  • การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลง
  • ระดับโพแทสเซียม/แคลเซียมต่ำ

สรุป

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อการทำงานของร่างกายทั้งในเรื่องของกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบประสาท และระบบไหลเวียนเลือด เเละยังช่วยในการสร้างพลังงาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยสามารถได้รับเเมกนีเซียม จากการกินทั้ง

  • อาหาร
  • อาหารเสริม
  • ยาบางชนิด

ซึ่งควรกินในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพื่อช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ส่งเสริมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้ดีเป็นปกติ

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

  1. ตรวจหาระดับแมกนีเซียมในเลือด
  2. ตรวจหาระดับเเมกนีเซียมจากเม็ดเลือด ( สามารถบอกระดับเเมกนีเซียมในร่างกายได้จริง)

เอกสารอ้างอิง

  1. healthline.com (Magnesium for leg cramps)
  2. webmd.com (Migraines headaches migraines)
  3. Elin RJ. Assessment of magnesium status for diagnosis and therapy. Magnes Res 2010;23:1-5.
  4. Musso CG Magnesium metabolism in health and disease. Int Urol Nephrol 2009;41:357-62.
  5. Institute of Medicine (IOM). Food and Nutrition Board. Dietary Reference Intakes: Calcium, Phosphorus, Magnesium, Vitamin D and Fluorideexternal link disclaimer. Washington, DC: National Academy Press, 1997.
  6. Volpe SL. Magnesium. In: Erdman JW, Macdonald IA, Zeisel SH, eds. Present Knowledge in Nutrition. 10th ed. Ames, Iowa; John Wiley & Sons, 2012:459-74.

แชร์บทความนี้ :

สอบถามรายละเอียด หรือ นัดหมายการตรวจ

ทีแอลซี อุดร แลบเซ็นเตอร์ (สาขา อุดรธานี)

ขอนแก่น ทีแอลซี แลบเซ็นเตอร์ (สาขา ขอนแก่น)

โกลบอล ทีแอลซี ยูดี เมดิคอลแลบ (สาขา กรุงเทพฯ)

You cannot copy content of this page