ปัจจุบัน โรคภูมิแพ้ พบมากขึ้นทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้มากขึ้น 3-4 เท่า เมื่อเทียบกับเมื่อ10 ปีก่อน โดยพบ
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 23-30
- โรคหืดร้อยละ 10-15
- โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 15
- โรคแพ้อาหารร้อยละ 6
การพบ โรคภูมิแพ้ ของระบบการหายใจเพิ่มขึ้นในประเทศไทยก็เพราะ
- วิถีของคนไทยเปลี่ยนไป
- ประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เเละอยู่อย่างแออัด
- บ้านเรือนจากเดิมที่มีลักษณะโปรง โล่ง มีการถ่ายเท อากาศดี เปลี่ยนไปเป็นแบบตะวันตกมากขึ้น มีเพดานเตี้ยประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือน ปิดหน้าต่างตลอดเวลา เปิดเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องมีพรมซึ่งมีไรฝุ่นมาก มีต้นไม้ประดับซึ่งมีเชื้อรา นิยมเลี้ยงสุนัข แมวในบ้าน หรือบางคนเอาไปนอนด้วย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่เราสูดหรือสัมผัสเข้าสู่ร่างกายตลอดเวลายิ่งกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ขึ้น
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น มลพิษในอากาศ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ฝุ่นละอองตามถนน ควันจากท่อรถยนต์และจากโรงงานอุตสาหกรรม ควันบุหรี่ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยทำให้เกิดอุบัติการณ์ของโรคภูมิแพ้ในปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
โรคภูมิแพ้ คืออะไร?
คือกลุ่มของโรคที่มีอาการแสดงได้หลายระบบ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ ทำให้เกิดการสร้างภูมิที่ไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะ จนเกิดเป็นอาการรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามระดับความแพ้ เช่น ลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก คันตา เจ็บคอ หรือบางรายอาจมีอาการแพ้รุนแรงได้
โรคภูมิแพ้ มีกี่ประเภท?
อาการภูมิแพ้ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกอวัยวะในร่างกาย และยังสามารถมีอาการร่วมกันได้ในหลายระบบของร่างกาย โดยโรคภูมิแพ้แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
- ภูมิแพ้อากาศ : มักมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก และบางคนขยี้จมูกจนเกิดรอยแดงและมีเสมหะในคอ บางคนมีอาการแทรกซ้อน เช่น คันตา แสบตา และน้ำมูกไหล
- ภูมิแพ้ผิวหนัง : มักจะมีอาการคันง่ายกว่าปกติ และเกาจนเป็นแผล และจำนวนมากจะเป็นคนผิวแห้ง เมื่อเกาจนเป็นแผลก็เสี่ยงติดเชื้อง่ายขึ้น
- ภูมิแพ้อาหารและยา : ส่วนใหญ่จะมีอาการผื่นคันมากกว่าปกติ คล้ายลักษณะเป็นลมพิษ หรือบริเวณผิวหนังจะมีสีแดงจนเห็นได้ชัด เเละบางคนจะมีปัญหาในการกลืนอาหารลำบาก บริเวณต่างๆ บนใบหน้าบวม เช่น รอบดวงตาม ริมฝีปาก ลิ้น เพดานปาก หรือในลำคอ
- ภูมิแพ้ดวงตา : เป็นอาการภูมิแพ้ที่อาจพบได้น้อยกว่าประเภทอื่นๆ โดยอาการจะแสดงออกด้วยลักษณะ ดวงตาแดงตาแฉะ คัน และเปลือกตาบวม
ปัจจัยที่ทำให้เกิดภูมิแพ้
- พันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกได้โดยกำเนิด
- สิ่งแวดล้อม เมื่อร่างกายมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ หรือสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง การหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้จะช่วย แก้โรคภูมิแพ้ ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวได้
- ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง เนื่องมาจากมีความเครียด พักผ่อนน้อย ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์
มีอาการอย่างไร จึงสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้
- ระบบการหายใจ ตั้งแต่จาม คันจมูก น้ำมูกไหล คัดจมูก คันตา คันคอ หรือไอเรื้อรังมีเสมหะ มีอาการหอบเหนื่อย หายใจเสียงดังวี้ดๆ อาการดังกล่าวอาจเป็นๆ หายๆ อาจมีอาการเป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นตลอดเกือบทั้งปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุ
- ระบบผิวหนัง อาจแสดงเป็นลมพิษ ผื่นคันตามข้อพับ ในเด็กอาจมีผื่นแดงบริเวณแก้ม
- ระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง ปวดท้อง ถ่ายเป็นมูกเลือด
- แสดงอาการทุกระบบ ในคนไข้ที่แพ้รุนแรง อาจมีทั้งอาการหอบ หายใจลำบาก ลมพิษขึ้น หรือ ช็อค
การดูแลเเละป้องกันไม่ให้อาการภูมิแพ้กำเริบ
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ควันรถยนต์ เชื้อรา และสารเคมีต่างๆ
- การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้กับตัวเอง ได้แก่ ผักและผลไม้ เสริมวิตามินซี วิตามินดี ฯลฯ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีได้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจหาสารภูมิแพ้ (IgE) 44 ชนิด <<คลิกเพื่อดูรายละเอียด>>
- ตรวจหาสารภูมิแพ้ (IgE) 64 ชนิด <<คลิกเพื่อดูรายละเอียด>>
แหล่งอ้างอิง
- สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย
- คณะแพทย์์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล