เมื่อพูดถึงฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกาย หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งฮอร์โมนคอร์ติซอล เป็นสเตียรอยด์ฮอร์โมน (Steroid hormone) จัดเป็นฮอร์โมนในกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoids) ที่ผลิตจากต่อมหมวกไตชั้นนอก เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายหลั่งออกมา และเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงเพื่อตอบสนองต่อสภาวะเครียดหรือกดดันต่างๆ ซึ่งเราจะเรียกว่า “ฮอร์โมนความเครียด”
ฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol Hormone) คืออะไร?
คอร์ติซอล (Cortisol) คือ ฮอร์โมนความเครียดตัวหลักของร่างกาย (Stress hormone) โดยปกติร่างกายจะหลั่งออกมาปริมาณมากที่สุดในช่วงเช้า ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น และมีพลังต่อสู้ในวันใหม่ของทุกวัน และจะลดลงเหลือเพียง 10% ในช่วงเย็น ถ้าหากร่างกายมีความเครียดสะสม ต่อมหมวกไตจะหลั่ง Cortisol ออกมามากเกินไป เกิดผลเสียของ Cortisol คือกระตุ้นให้เกิดการสลายตัวของร่างกายมากเกินไป ทำให้ร่างกายเสื่อมถอย ต่อมหมวกไตต้องดึงเอาฮอร์โมนอื่นๆ ทั้งฮอร์โมนต้านเครียด (DHEA) ฮอร์โมนเพศ (Estrogen, Progesterone, Testosterone) มาใช้สร้าง Cortisol จนหมด เกิดภาวะพร่องฮอร์โมน ร่างกายอ่อนล้า หรือเรียกว่าภาวะต่อมหมวกไตล้า
ฮอร์โมน คอร์ติซอล มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
คอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อ
- ระบบเผาผลาญในร่างกาย เนื่องจากคอร์ติซอลจะช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำตาลในเลือดมากขึ้น ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไขมัน โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตมาเป็นพลังงาน
- ควบคุมวงจรการนอนและตื่น
- บรรเทาอาการอักเสบในร่างกาย
- ปรับสมดุลให้ระดับความดันโลหิต
- ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายเพื่อให้สามารถรับมือกับความเครียดและคืนสมดุลให้กับร่างกายในภายหลังได้เป็นอย่างดี

ส่วน คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ที่เป็นคอร์ติซอลสังเคราะห์หรือยาที่มีกลไกคล้ายคอร์ติซอล (Cortisol-like Medications) นำมาใช้เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ เช่น
- โรคหืด
- โรคผิวหนังอักเสบ
- โรคสะเก็ดเงิน
- โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- โรคลำไส้อักเสบ
- โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease)
- โรคมะเร็งบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
- บรรเทาอาการที่เกิดหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ
ระดับ คอร์ติซอล ไม่สมดุลส่งผลอะไรต่อร่างกาย?
ฮอร์โมนคอร์ติซอล เป็นฮอร์โมนที่หลั่งในตอนเช้า โดยมีหน้าที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว รับมือกับภาวะต่างๆ ที่คาดไม่ถึง และฮอร์โมนนี่จะหายไปในยามเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการการพักผ่อนพอดี แต่หากมีความเครียดทั้งวัน ฮอร์โมนนี้ก็จะหลั่งตลอดทั้งวัน ตอนเย็นที่ควรได้พัก ร่างกายก็จะไม่ได้พัก ทำให้เกิดร่างกายเสื่อมโทรมลงได้และอาจทำให้เกิดภาวะต่อมหมวกไตล้า

สัญญาณความเครียด ส่งผลอะไรต่อหมวกไต?
สัญญานความเครียดส่งผลทำให้เกิดภาวะต่อมหมวกไตล้าเป็นอาการผิดปกติของร่างกายอย่างหนึ่งที่มีความเครียดเรื้อรังเป็นตัวกระตุ้น ในการวินิจฉัยภาวะต่อมหมวกไตล้าจะต้องทำการวัดระดับของฮอร์โมนต่อมหมวกไต (Adrenal Hormones) 2 ชนิด ได้แก่
- คอร์ติซอล (Cortisol)
- ดีเอชอีเอ DHEA
ทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถตรวจวัดได้จากการเจาะเลือด ปัจจุบันนี้การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าจะมุ่งเน้นไปที่การปรับให้ฮอร์โมน 2 ตัวนี้ให้อยู่ระดับที่สมดุล
อาการของต่อมหมวกไตล้า
- ขี้เกียจตื่นนอนตอนเช้า
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อยากงีบหลับ ช่วงกลางวัน
- ง่วงแต่นอนไม่หลับ
- มีอาการวิงเวียน ศีรษะ หน้ามือ เวลาเปลี่ยนท่าทาง (ลุก-นั่ง)
- อยากของหวาน, ของเค็ม
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
- ปวดประจำเดือนบ่อย
- ผิวแห้ง เป็นภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ
- ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
- ท้องผูก
- เครียด ซึมเศร้า
- คุมอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำแต่น้ำหนักไม่ลดลง
- รู้สึกดีขึ้นทันที เมื่อได้กินน้ำตาล
วิธีดูแลต่อมหมวกไตล้า(รักษาระดับคอร์ติซอล)
การรักษาสมดุลของระดับคอร์ติซอลในร่างกาย ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (6 – 8 ชม )เข้านอนก่อน 5 ทุ่ ม
- จัดการกับความเครียด (Stress Management) โดยการหากิจกรรมคลายความเครียดทางจิตใจ เช่น การนั่งสมาธิ การเล่นโยคะ การนวด หรือการบำบัด โดยใช้คลื่นเสียง (Sound Healing)
- ทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักและผลไม้ที่ไม่หวานเกินไป ข้าว ถั่ว เนื้อสัตว์บางประเภท เช่น เป็ด ไก่ ปลา
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง แต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไป เพราะการออกกำลังกายอย่างหนักอาจทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มสูงขึ้นชั่วคราวได้
- หลีกเลี่ยงสารพิษ เนื่องจากสามารถทำให้ร่างกายอักเสบและนำไปสู่ความเครียดได้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ควรตรวจฮอร์โมน
- Cortisol
- DHEA
* ไม่ต้องงดน้ำและอาหารแนะนำให้ทำการทดสอบระหว่างเวลา 7.00-10.00 น