โรค ไข้เลือดออก คืออะไร?
โรค ไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) : เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ ไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมี ยุงลาย เป็นพาหะนำโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง 2-7 วัน หลังไข้ลดลงอาจมีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ หรือมีอาการช็อคได้ ซึ่งเป็นช่วงอันตรายเนื่องจากคนไข้มักคิดว่าหลังไข้ลงจะปลอดภัยแล้ว การสังเกตอาการผิดปกติหลังไข้ลด 2-3 วัน แล้วรีบมาโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา เป็นสิ่งสำคัญ มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี
สาเหตุของ ไข้เลือดออก
เชื้อ ไวรัสเดงกี ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์ คือ
- สายพันธุ์ DENV-1
- สายพันธุ์ DENV-2
- สายพันธุ์ DENV-3
- สายพันธุ์ DENV-4
มียุงลายตัวเมียเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายดูดเลือดผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสเดงกี เชื้อจะเข้าไปฝังตัวภายในกระเพาะและต่อมน้ำลายของยุงโดยมีระยะฟักตัวประมาณ 8-12 วัน เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสไปกัดคนอื่นๆ ต่อ เชื้อไวรัสก็จะเข้าสู่กระแสเลือดของผู้ที่โดนกัด ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกตามมา
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เคยได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดจะมีภูมิคุ้มกันเฉพาะสายพันธุ์นั้น หากได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่ต่างออกไปจากครั้งแรกก็สามารถเป็นไข้เลือดออกได้อีก และโดยทั่วไปอาการของโรคครั้งที่สองมักรุนแรงกว่าครั้งแรก
ปัจจัยเสี่ยงของโรค ไข้เลือดออก
โรค ไข้เลือดออก สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยในเด็กวัยเรียนและวัยทำงานตอนต้น ซึ่งผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงต่อการดำเนินโรคที่รุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน ได้แก่
- เด็กทารกและผู้สูงอายุ
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างมีประจำเดือนหรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
- ผู้ที่มีโรคเม็ดเลือดแดงแตกง่าย หรือโรคที่เกิดจากฮีโมโกลบินผิดปกติ
- ผู้ป่วยโรคหัวใจพิการมาเเต่กำเนิด
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจขาดเลือด ไตวาย เเละตับเเข็ง
- ผู้ที่รับประทานยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) หรือยาในกลุ่มยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory หรือ NSAIDs)
อาการของผู้ที่ติดเชื้อ ไวรัสเดงกี (Dengue Virus)
แบ่งเป็น 2 ชนิดตามความรุนแรง คือ
- ไข้เดงกี (Dengue Fever)
- ไข้เลือดออก (Dengue Hemorrhagic fever)
อาการของ โรคไข้เดงกี (dengue fever)
อาการที่พบได้แก่
- ปวดศรีษะ
- ปวดกระบอกตา
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ปวดข้อหรือกระดูก
- มีผื่นขึ้นคล้ายผื่นของโรคหัด
- อาจมีภาวะเลือดออกหรือไม่มีก็ได้
อาการของโรค ไข้เลือดออก
โรค ไข้เลือดออก นอกจากจะมีอาการเช่นเดียวกับโรคไข้เดงกีแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรค คือ
- มีไข้สูงเฉียบพลันเกิน 38 องศาเซลเซียสประมาณ 2-7 วัน
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- หน้าแดง อาจพบจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกสีแดงเล็กๆ ตามผิวหนัง หรือมีเลือดออกบริเวณอื่น เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน ปัสสาวะ อุจจาระมีเลือดปน
- ปวดท้องอย่างรุนแรง กดเจ็บชายโครงด้านขวา
- ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก หลังจากมีไข้มาแล้วหลายวันผู้ป่วยอาจเกิดภาวะการไหลเวียนโลหิตล้มเหลวหรือภาวะช็อก และเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า กลุ่มอาการไข้เลือดออกช็อก (dengue shock syndrome) โดยผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย ปลายมือปลายเท้าเย็น ปัสสาวะน้อยลง ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ความดันโลหิตลดต่ำ วัดชีพจรไม่ได้
การรักษาโรคไข้เลือดออก
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสสำหรับโรคไข้เลือดออก การรักษาจึงเป็นไปตามอาการเพื่อประคับประคองให้ร่างกายของผู้ป่วยกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งในรายที่อาการไม่รุนแรง โรคไข้เลือดออกอาจหายได้เองภายใน 2-7 วัน
การดูแลอาการเบื้องต้น
- เช็ดตัวลดไข้ ให้ยาลดไข้ตามที่แพทย์สั่ง ได้แก่ ยาพาราเซตามอล ทุก 4-6 ชั่วโมงถ้ามีไข้เกิน 3 วัน ควรมาพบแพทย์
- ห้ามให้ยาลดไข้ที่มีส่วนผสมของแอสไพริน หรือ ibuprofen เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในทางเดินอาหารได้
- ดื่มน้ำมากๆ โดยแนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่แทนน้ำเปล่า
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดทุกชนิด เพราะอาจระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสีแดงหรือดำ เพราะอาจทำให้สับสนกับภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารได้
ให้มาพบแพทย์ทันที หากมีอาการต่อไปนี้
- อาเจียนมาก ไม่สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้เพียงพอ
- ปวดท้องมาก
- มีเลือดออกรุนแรง เช่น ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด
- กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น มือเท้าเย็น
- ไม่ปัสสาวะนานกว่า 6 ชั่วโมง
- ซึมลงไม่ค่อยรู้สึกตัว หอบเหนื่อย
การป้องกัน ไข้เลือดออก
โรค ไข้เลือดออก สามารถป้องกันได้ดังนี้
- ป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด โดยสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด ใช้สารไล่ยุงชนิดต่างๆ เช่น DEET รวมถึงป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาหลบซ่อนในบ้าน ทั้งนี้ ยุงลายมักกัดในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน
- ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและใกล้เคียง ด้วยการปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังไม่ให้ยุงเข้าไปวางไข่ได้ เปลี่ยนน้ำในภาชนะที่ปิดไม่ได้ เช่น แจกัน ทุกสัปดาห์ ปล่อยปลากินลูกน้ำในอ่างบัว ปรับปรุงสภาพแวดล้อมบริเวณบ้านให้สะอาดปราศจากเศษวัสดุที่อาจมีน้ำขังได้ เช่น ขวดเก่า กระป๋องเก่า เป็นต้น
- ในรายที่อายุมากกว่า 9 ปี และน้อยกว่า 45 ปี ร่วมกับมีประวัติ เคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว อาจพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก
การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) : เพื่อหาความผิดปกติของส่วนประกอบทั้งหมดของเลือด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และความเข้มข้นของเลือด
- ตรวจภูมิคุ้มกันต่อไข้เลือดออก (IgM)
- ตรวจ NS1 Ag ต่อเชื้อโดยตรง ตรวจ PCR เพื่อหาเชื้อไวรัสเดงกี