การ ออกกำลังกาย เพื่อ สุขภาพ และได้ประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นอย่างไร?
เพราะความสุขเริ่มต้นจากการมีสุขภาพที่ดี และ สุขภาพที่ดี เกิดขึ้นได้จากการ ‘ออกกำลังกาย’ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่แข็งแรงให้กับคนทุกเพศทุกวัย เนื่องจากการออกกำลังกายประกอบไปด้วยคุณประโยชน์มากมายทั้งทางร่างกายและจิตใจ หากปฏิบัติเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีอย่างยิ่ง
เนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้กิจวัตรประจำวันหรือการทำงานส่วนใหญ่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งการออกกำลังกายที่น้อยลงจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ และการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอและะเหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง สามารถป้องกัน รักษา และฟื้นฟูร่างกายได้
ประโยชน์ของการ ออกกำลังกาย เพื่อ สุขภาพ
- การออกกำลังกายช่วยป้องกันมะเร็งได้
- ทำให้จิตใจเบิกบานแจ่มใส
- ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทาน
- การออกกำลังกายยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดอันดับสองในประเทศไทยอีกด้วย
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน (OSTEOPOROSIS) ลดอุบัติการของกระดูกหักที่กระดูกสันหลัง, กระดูกสะโพก
- ช่วยลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล (CHOLESTEROL), ไตรกลีเซอไรด์ (TRIGLYCERIDE) เป็นการลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, อัมพาต, อัมพฤกษ์
- ทำให้คล่องแคล่ว ทรงตัวดี ลดการลื่นล้มบาดเจ็บ
- ป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคภูมิแพ้
- ช่วยในการย่อย และดูดซึมอาหาร ลดท้องอืดท้องเฟ้อ ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดความอ้วน
- โอกาสเกิดติดเชื้อน้อยลง
- มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น
- ช่วยรักษาโรคซึมเศร้า ลดความเครียด
- นอนหลับได้ดี
- ชะลอความแก่ ความเสื่อมของสมรรถภาพทางร่างกาย ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น ยืดอายุให้ยืนยาว
ประเภทของ ออกกำลังกาย
การ ออกกำลังกาย แต่ละประเภทให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้ไม่เหมือนกัน แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ
1. การออกกำลังกายที่เน้นความแข็งแรงของระบบหัวใจ ปอดและหลอดเลือด (Cardiovascular Respiratory Exercise) หรือเรียกสั้นๆ ว่า คาร์ดิโอ(Cardio exercise) ซึ่งการออกกำลังกายรูปแบบนี้จะช่วยเสริมสร้างความทนทานของระบบหายใจและไหลเวียนโลหิต เช่น
- วิ่ง (jogging,เดินเร็ว)
- ว่ายน้ำ
- ปั่นจักรยาน
- เต้นแอโรบิค
การออกกำลังกาย ให้มีประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบการออกกำลังกายนี้ ควรทำ
- อย่างต่อเนื่อง ประมาณ 20-60 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- สิ่งสำคัญการทำควรไล่ระดับจากเบาไปปานกลาง เมื่อร่างกายพร้อมค่อยขึ้นไปในระดับที่หนักขึ้น
2. การออกกำลังกายที่เน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Resistance Exercise) ถ้าความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ จะทำให้การทำกิจวัตรประจำวันไม่เป็นไปตามความต้องการ แม้จะไม่ทำให้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาต่อร่างกายบั่นทอนคุณภาพชีวิตได้เหมือนกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุหากขาดความแข็งแรงในด้านนี้จะทำให้พลัดล้มได้ง่ายเสียสมดุลได้ง่าย เกิดภาวะกระดูกพรุนและกระดูกแตกหักง่ายเมื่อล้ม รูปแบบการออกกำลังกายนี้ ดังเช่น
- การยกน้ำหนักหรือเล่นเวท การออกกำลังกายแบบแรงต้านมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การวิดพื้นหรือซิตอัพ ใช้แรงต้านจากยางยืด ใช้แรงต้านกับอุปกรณ์ภายในบ้านต่าง ๆ เช่น กระเป๋า ขวดน้ำ หรือหนังสือ
โดยการออกกำลังกายรูปแบบนี้ให้มีประสิทธิภาพ แนะนำว่า
- ควรทำให้ครบทุกส่วน สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
- หรือจะใช้วิธีเล่นสลับก็ได้ คือ วันนี้เล่นส่วนหนึ่งอาจจะเป็นแขน พักหนึ่งวันและสลับกับการออกกำลังกายรูปแบบอื่นอีกหนึ่งวัน จากนั้นก็ให้มาเล่นอีกส่วนอาจจะเป็นส่วนขา ก็ได้
3. การออกกำลังกายที่เน้นความยืดหยุ่นของร่างกาย (Flexibility Exercise) กิจกรรมออกกำลังกายประเภทนี้ได้แก่
- โยคะ
- พิลาทิส
การออกกำลังกายรูปแบบนี้ : จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ต้องค่อยๆ ทำอย่างช้า ๆ จนถึงจุดที่รู้สึกตึงหรือไม่สบาย แต่ไม่ใช่เจ็บปวด การฝึกความอ่อนตัวและความยืดหยุ่นของร่างกายมีความจำเป็นสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือคนที่ต้องใช้แรงงานหนัก เพราะช่วยลดอาการบาดเจ็บและความเมื่อยล้าของร่างกายได้
แต่ละคนจะเลือก ออกกำลังกาย รูปแบบไหน พิจารณาจากอะไร?
ความพร้อมของร่างกายตนเอง ดังเช่น พื้นฐานร่างกายว่ามีโรคประจำตัวไหม มีความฟิตแค่ไหน ต้องพิจารณาให้ดีก่อนเริ่ม
และเมื่อออกกำลังกายก็ควรเริ่มจากค่อย ๆ ปฏิบัติไปตามสภาพร่างกายของเรา ทำจากเบาไปหาหนัก
- สิ่งสำคัญคือ ระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมหรือมากเกินไปซึ่งโดยส่วนใหญ่มักไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงต่อครั้งและ อย่างน้อย 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะการออกกำลังกายที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี นี่คือการเข้าสู่กระบวนการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพ
ออกกำลังกาย อย่างไรให้ได้ผล?
ควรเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (AEROBIC EXERCISE) คือการออกกำลังกายที่กล้ามเนื้อใช้ออกซิเจนในการสร้างพลังงานขณะออกกำลังกาย และเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขา ไปพร้อมๆ กัน ทำต่อเนื่องไม่หยุดอย่างน้อย 20 นาที
การจะให้ได้ผลทางด้านสุขภาพต้องออกกำลังกายไม่น้อยกว่าวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
- ความหนักของการออกกำลังกายควรเป็นแบบหนักปานกลาง คือออกกำลังกายให้ชีพจรอยู่ระหว่าง 60-80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด อัตราการเดินของหัวใจสูงสุดต่อนาที คือ 220-อายุ ตัวอย่างเช่น
ผู้ออกกำลังกายอายุ 65 ปี มีอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด 220-65 = 155 ครั้ง/นาที
60% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (155×60)/100 = 93 ครั้ง/นาที
- 80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (155×80)/100 = 124 ครั้ง/นาที
เพราะฉะนั้นชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ) ของคนอายุ 65 ปี ขณะออกกำลังกายควรอยู่ระหว่าง 93-124 ครั้ง/นาที
- จับชีพจร (ที่ข้อมือ หรือคอ) ก่อนออกกำลังกาย ขณะออกกำลังกาย และหลังออกกำลังกาย
- มีการอบอุ่นร่างกาย (WARM UP) 5-10 นาที ก่อนออกกำลังกายเพื่อยึดกล้ามเนื้อ ข้อ เอ็น ป้องกันการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อเหล่านี้
มีการผ่อนคลายร่างกาย (Cool-Down) 5-10 นาที หลังออกกำลังกาย เพื่อให้ของเสีย เช่น กรดแลคติด (Lactic Acid) และสารเกลือโปแตสเซี่ยม ค่อยๆ ออกจากกล้ามเนื้อ และการหยุดออกกำลังการทันทีจะทำให้เลือดวิ่งกลับเข้าหัวใจไม่พอ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้หน้ามืดเป็นลมได้
- ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ
- สถานที่ใช้ออกกำลังกายควรเป็นพื้นที่เรียบ ไม่ขรุขระ ทางไม่ลาดชัน หรือเป็นเนินขึ้นลง มีอากาศถ่ายเทได้ดี
- ควรออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที ควรดื่มน้ำ 1 แก้ว และหลังออกกำลังกายอีก 1 แก้ว เพื่อชดเชยน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปกับเหงื่อจากการออกกำลังกาย
- มีเพื่อนร่วมออกกำลังกายด้วย ถ้าเกิดอุบัติเหตุ หรือมีอาการผิดปกติจะได้มีคนช่วยเหลือได้ทันท่วงที
หยุด ออกกำลังกาย เมื่อมีอาการเหล่านี้
เจ็บแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติจากเดิม
เวียนศีรษะ มึนงง ใจสั่น เหนื่อยหอบ หายใจไม่ได้เต็มที่
- อ่อนเพลียมากผิดปกติ
หยุดออกกำลังกายเมื่อมีอาการเหล่านี้
- รับประทานอาหารอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงก่อน การออกกำลังกาย
- สวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย เพื่อให้เคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวก
- สวมรองเท้าที่พอดี และเหมาะสมกับการออกกำลังกาย
- อบอุ่นร่างกาย 10 นาที ก่อนการออกกำลังกายทุกครั้ง
- เริ่มออกกำลังกายช้าๆและฝึกออกกำลังกายที่มีระดับความหนักต่ำ
- ดื่มน้ำก่อนและหลังการออกกำลังกายอยู่เสมอ