ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ ทางเพศ แม้จะเป็นภาวะหรือความผิดปกติที่พบได้ทั่วไปสำหรับผู้ชายที่อายุมากขึ้น แต่ในปัจจุบันพบว่าปัญหานี้กลับพบมากขึ้นอย่างมาก รวมถึงพบในช่วงอายุที่น้อยลงเรื่อยๆ
ภาวะ เสื่อมสมรรถภาพ ทางเพศคืออะไร
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในเพศชาย “erectile dysfunction” หรือ ED คือภาวะที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเพียงพอ หรือไม่สามารถคงการแข็งตัวไว้ได้นานขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์จนเสร็จกิจได้
โดยธรรมชาติแล้ว การแข็งตัวขององคชาต เป็นการทำงานร่วมกันของระบบประสาทและหลอดเลือด (neurovascular) ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมน การแข็งตัวขององคชาตต้องอาศัยการทำงานที่ปกติของ 4 ปัจจัยคือ
- เส้นประสาทที่มาเลี้ยง (intact neuronal innervations)
- เลือดที่มาเลี้ยง (intact arterial supply)
- กล้ามเนื้อเรียบที่ copora (appropriately responsive corporal smooth muscle)
- การอุดตันของหลอดเลือดดำ (intact veno-occlusive mechanics)
ในภาวะปกติองคชาตจะมีลักษณะอ่อนตัว และจะมีการตอบสนองเมื่อได้รับการกระตุ้นทางเพศ
ผู้ชายจะ เสื่อมสมรรถภาพ เมื่ออายุเท่าไหร่
- ชายอายุต่ำกว่า 40 ปี – พบประมาณ 5 %
- ผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี – พบประมาณ 50 %
อาการ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นอย่างไร
- ความไม่สามารถแข็งตัวหรือรักษาการแข็งตัวของอวัยวะเพศได้ (องคชาตแข็ง) เพื่อการมีเพศสัมพันธ์ (ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ)
- ไม่มีการหลั่ง (anejaculation) หรือ การหลั่งล่าช้า ทั้งๆ ที่ได้รับการกระตุ้นทางเพศเพียงพอแล้ว
- ไม่สามารถควบคุมจังหวะการหลั่งน้ำอสุจิได้ (Premium Ejaculation)

ประเภทของภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศออกเป็น 4 ประเภทดังต่อไปนี้
- ความผิดปกติทางความต้องการทางเพศ: ขาดความต้องการทางเพศหรือความสนใจในเรื่องเพศ ซึ่งอาจหมายความว่าไม่มีความสนใจในกิจกรรมทางเพศใดๆ เลย
- ความผิดปกติทางอารมณ์: ไม่สามารถมีอารมณ์ทางเพศหรือตื่นเต้นได้ในระหว่างมีกิจกรรมทางเพศ อาจรู้สึกต้องการมีเซ็กส์ แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง หรือไม่สามารถแข็งตัวได้
- ความผิดปกติของการถึงจุดสุดยอด: การถึงจุดสุดยอดช้าหรือไม่มีเลย อาจรู้สึกปรารถนาและรู้สึกตื่นตัวแต่ไม่สามารถถึงจุดสุดยอดได้
- ความผิดปกติของความเจ็บปวด: ความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ทำให้ไม่อยากมีเพศสัมพันธ์
ระดับของภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- อาการน้อย คือ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จเกือบทุกครั้ง
- อาการปานกลาง คือ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จประมาณครึ่งหนึ่ง
- อาการรุนแรง คือ แทบจะไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้สำเร็จเลย
ถ้ามีการแข็งตัวได้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ถือว่าปกติ ซึ่งสาเหตุของภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศส่วนใหญ่มักเกิดร่วมกันระหว่างโรคทางกายและและปัญหาทางด้านจิตใจ โดยพบว่าสาเหตุหลักๆ ก็คือ การที่เลือดไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการซักประวัติ ตรวจร่างกายและตรวจเพิ่มเติมพิเศษอื่น ๆ
สาเหตุที่พบบ่อยของภาวะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอาจมีสาเหตุทางกายภาพและทางจิตใจ
สาเหตุทางกายภาพ
- อายุ เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญและหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่ออายุสูงขึ้น โอกาสที่จะเกิดภาวะ ED ก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย
- โรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดและหัวใจ
- โรคเบาหวาน
- มะเร็ง
- ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น โรค เส้นโลหิตแข็ง(Multiple Sclerosis):MS)หรือเส้นประสาทเสียหาย
- เคยได้รับการผ่าตัดมาก่อน เช่น การผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน การผ่าตัดผ่านทางท่อปัสสาวะ ได้รับอุบัติเหตุบริเวณอุ้งเชิงกราน อุบัติเหตุที่ไขสันหลัง
- ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย และต่อมลูกหมากโต
- พฤติกรรมอื่น ๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์
สาเหตุทางจิตวิทยา
อารมณ์และความรู้สึกของคุณอาจส่งผลต่อภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
- ความเครียดหรือความวิตกกังวล
- ปัญหาการแต่งงานหรือความสัมพันธ์
- ภาวะซึมเศร้า(จากการศึกษาพบว่าคนที่มีภาวะซึมเศร้ามีภาวะ ED ร้อยละ 50 – 90)
- ประวัติการถูกทำร้ายหรือละเมิดทางเพศ

อาการแทรกซ้อนภาวะ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มีอะไรบ้าง?
สุขภาพทางเพศเป็นส่วนสำคัญของคุณภาพชีวิตโดยรวมของทุกคน
- การไม่พอใจในชีวิตทางเพศอาจทำให้คุณรู้สึกเหงาและหงุดหงิด ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาความใกล้ชิดกับคู่ครองของคุณได้
- สิ่งสำคัญคือต้องรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศเช่นเดียวกับอาการป่วยอื่นๆ และเข้ารับการรักษาหากอาการดังกล่าวเริ่มรบกวนคุณหรือก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวัน
การป้องกันภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงทั้งทางกายและจิตใจ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
โปรแกรมตรวจเกี่ยวกับภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศชาย
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด Fasting Blood Sugar
- ตรวจระดับน้ำตาลสะสม HbA1C
- ตรวจระดับไขมันครบชุด Lipid profile(Chol,Tri,HDL,LDL)
- ตรวจระดับฮอร์โมนเพศชาย Testosterone
- ตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก PSA
- ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์ (การเผาผลาญ) FT 4 , FT3 , TSH