ไอโอดีน - Iodine

ไอโอดีน (Iodine) มีประโยชน์อย่างไร?

ไอโอดีน (Iodine) คือแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกายช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ทำหน้าที่ควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ควบคุมการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย มีส่วนช่วยในการเจริญและเติบโตของระบบประสาทและสมอง ไอโอดีนหากได้รับมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษได้ หรือหากขาดสารไอโอดีน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคคอพอกและภาวะปัญญาอ่อน 

ไอโอดีนมีประโยชน์ต่อร่างกาย

  • ช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ (thyroid hormone) : ไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ เพราะฮอร์โมนไทรอยด์ช่วยควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆ
  • ส่งเสริมการเจริญเติบโตและการพัฒนา : ไอโอดีนมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและระบบประสาท โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก
  • เพิ่มพัฒนาการทางสมอง : ไอโอดีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาท ช่วยให้มีความสามารถในการเรียนรู้ การจดจำ และการทำงานของระบบประสาทส่วนต่างๆ
  • ควบคุมน้ำหนัก : ไอโอดีนช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย และการควบคุมน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น
  • บำรุงสุขภาพ : ไอโอดีนช่วยบำรุงสุขภาพผิว ผม และเล็บให้แข็งแรง
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการติดเชื้อและเกิดโรคต่างๆ

การขาด ไอโอดีน

  1.  โรคคอพอก (Goiter) เกิดจากการได้รับไอโอดีนไม่เพียงพออย่างต่อเนื่อง เซลล์ของต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น เกิดการเพิ่มจำนวนเซลล์ (Hyperplasia) ต่อมไทรอยด์ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ และเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (hypothyroidism)
    • ทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายต่ำ
    • ผู้ป่วยมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลง
    • ความดันโลหิตตัวล่าง (diastolic blood pressure) สูง
    • เชื่อองช้า ง่วงนอน
    • ท้องผูก
    • ผิวหนังและผมแห้ง
    • ถ้าเป็นเด็กจะรูปร่างเตี้ย
  1. ด้านการเจริญเติบโตและการพัฒนาการของร่างกาย โดยเฉพาะในกลุ่มที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การขาดไอโอดีนในแต่ละวัยมีอาการที่คล้ายและต่างกัน ดังนี้
    • ทารกในครรภ์ ทารกในครรภ์มารดาที่มีภาวะขาดไอโอดีน อาจจะแท้งหรือตายระหว่างคลอดได้ ถ้ารอดจะมีผลต่อการเจริญเติบโตและมีอาการผิดปกติของสมอง มีการพัฒนาด้านระบบประสาทที่บกพร่อง (Neurologic cretinism) หรือที่เรียกว่าโรคเอ๋อ มีลักษณะตัวเตี้ย แคระแกร็น
    • ทารกแรกคลอด หากมีภาวะขาดไอโอดีน จะมีอาการต่อมไทรอยด์โตทำให้เป็นโรคคอพอกและมีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism)
    • เด็กก่อนวัยเรียน เด็กวัยเรียน เด็กวัยรุ่น และผู้ใหญ่ หากมีภาวะขาดไอโอดีน ทำให้เป็นคอพอก มีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism) และมีความบกพร่องด้านอารมณ์และจิตใจ เป็นคนเซื่องซึม เฉื่อยชา

การได้รับ ไอโอดีน มากเกินไป มีอาการอย่างไร

การได้รับไอโอดีนในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการ 

  1. โรคคอพอก หรือภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์สังเคราะห์และหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไปซึ่งมีสาเหตุจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่ทำให้ต่อมไทรอยด์จับสารไอโอดีนมากทำให้เกิดการผลิตและหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป
  2. การได้รับไอโอดีนในปริมาณที่มากเกินเรื้อรังอาจทำให้เกิดต่อมไทรอยด์อักเสบและเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้ อาการผิดปกติเช่น
    • อาการทางระบบประสาท
    • อัตราการเต้นของหัวใจสูง
    • นอนไม่พอ
    • อ่อนเพลีย
    • เหงื่อออกง่าย น้ำหนักลดทั้งที่กินมาก
    • อาการเป็นพิษเฉียบพลัน ได้แก่ แสบปากคอและท้อง ไข้ อาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ชีพจรเต้นช้า
ไอโอดีน iodine

คุณต้องการ ไอโอดีน เท่าไร?

ปริมาณไอโอดีนที่เราควรได้รับในแต่ละวันขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกายของเรา( สถาบันสุขภาพแห่งชาติ:NIH) แนะนำดังนี้:

ตารางสารอาหาร
อายุปริมาณสารอาหารที่แนะนำ
ทารกอายุ (0-6 เดือน)110 ไมโครกรัม
ทารกอายุ (7-12 เดือน)130 ไมโครกรัม
เด็กอายุ (1-8 ปี)90 ไมโครกรัม
เด็กอายุ (9-13 ปี)120 ไมโครกรัม
วัยรุ่นอายุ (14-18 ปี)150 ไมโครกรัม
ผู้ใหญ่150 ไมโครกรัม
ผู้หญิง220 ไมโครกรัม
สตรีให้นมบุตร290 ไมโครกรัม

อาหารที่เป็นแหล่งของ ไอโอดีน

อาหารที่มีสารไอโอดีนตามธรรมชาติพบมากใน

  • พืชและสัตว์ทะเลเช่น ปลาทะเล กุ้งทะเล สาหร่ายทะเล (ในปลาทะเล 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 25-70 ไมโครกรัม สาหร่ายทะเลแห้ง 100 กรัม มีสารไอโอดีน 200-400 ไมโครกรัม)
  • กุ้ง หอย ปู ปลา
  • เกลือเสริมไอโอดีน
  • น้ำปลาเสริมไอโอดีน
  • ผัก เช่น ผักโขม ผักกาดเขียว บร็อคโคลี่
  • ผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่
  • ผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต นม ชีส
  • รวมถึงสามารถพบในน้ำนมแม่ และนมสูตรสำหรับทารก

หมายเหตุ : เกลือทะเลและเกลือสินเธาว์ ไม่มีไอโอดีน เพราะไอโอดีนระเหยออกไปตอนตากน้ำทะเลให้เป็นเกลือ

การป้องกันการขาดไอโอดีน ทำอย่างไรบ้าง?

  • ใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีนในการประกอบอาหารทุกวัน โดยตรวจดูฉลากบนซองเกลือที่ระบุว่า มีการเสริมไอโอดีน มีที่อยู่ของผู้ผลิตชัดเจน และมีเลข อย.
  • รับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เช่น ปลาทู หอย กุ้ง ปู เป็นต้น
  • เลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ เสริมไอโอดีนอื่น ๆ เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ๊ว เสริมไอโอดีน เป็นต้น

หมายเหตุ : อาหารไอโอดีนต่ำ (Low Iodine Diet) คือ การรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนน้อยกว่า 50 ไมโครกรัมต่อวัน เหมาะกับผู้ป่วยที่จะได้รับการรักษาด้วยไอโอดีนกัมมันตภาพรังสี

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

   การตรวจหาระดับของ  Iodine level

แหล่งอ้างอิง

  • World Health Organization. (2007). Assessment of iodine deficiency disorders and monitoring their elimination: A guide for programme managers (3rd ed.). Geneva: WHO Press.
  • National Institutes of Health. (2022). Iodine: Fact Sheet for Health Professionals. [ods.od.nih.gov]
  • Zimmermann, M. B. (2011). The role of iodine in human growth and development. Seminars in Cell & Developmental Biology, 22(6), 645-652.

แชร์บทความนี้ :

สอบถามรายละเอียด หรือ นัดหมายการตรวจ

ทีแอลซี อุดร แลบเซ็นเตอร์ (สาขา อุดรธานี)

ขอนแก่น ทีแอลซี แลบเซ็นเตอร์ (สาขา ขอนแก่น)

โกลบอล ทีแอลซี ยูดี เมดิคอลแลบ (สาขา กรุงเทพฯ)

You cannot copy content of this page