ไอโอดีน (Iodine) คือแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกายช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ทำหน้าที่ควบคุมอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ควบคุมการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย มีส่วนช่วยในการเจริญและเติบโตของระบบประสาทและสมอง ไอโอดีนหากได้รับมากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษได้ หรือหากขาดสารไอโอดีน อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น โรคคอพอกและภาวะปัญญาอ่อน
ไอโอดีนมีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ (thyroid hormone) : ไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ เพราะฮอร์โมนไทรอยด์ช่วยควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆ
- ส่งเสริมการเจริญเติบโตและการพัฒนา : ไอโอดีนมีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและระบบประสาท โดยเฉพาะในทารกและเด็กเล็ก
- เพิ่มพัฒนาการทางสมอง : ไอโอดีนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสมองและระบบประสาท ช่วยให้มีความสามารถในการเรียนรู้ การจดจำ และการทำงานของระบบประสาทส่วนต่างๆ
- ควบคุมน้ำหนัก : ไอโอดีนช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกาย และการควบคุมน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น
- บำรุงสุขภาพ : ไอโอดีนช่วยบำรุงสุขภาพผิว ผม และเล็บให้แข็งแรง
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการติดเชื้อและเกิดโรคต่างๆ
การขาด ไอโอดีน
- โรคคอพอก (Goiter) เกิดจากการได้รับไอโอดีนไม่เพียงพออย่างต่อเนื่อง เซลล์ของต่อมไทรอยด์ทำงานมากขึ้น เกิดการเพิ่มจำนวนเซลล์ (Hyperplasia) ต่อมไทรอยด์ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ และเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (hypothyroidism)
- ทำให้อัตราการเผาผลาญของร่างกายต่ำ
- ผู้ป่วยมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลง
- ความดันโลหิตตัวล่าง (diastolic blood pressure) สูง
- เชื่อองช้า ง่วงนอน
- ท้องผูก
- ผิวหนังและผมแห้ง
- ถ้าเป็นเด็กจะรูปร่างเตี้ย
- ด้านการเจริญเติบโตและการพัฒนาการของร่างกาย โดยเฉพาะในกลุ่มที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว การขาดไอโอดีนในแต่ละวัยมีอาการที่คล้ายและต่างกัน ดังนี้
- ทารกในครรภ์ ทารกในครรภ์มารดาที่มีภาวะขาดไอโอดีน อาจจะแท้งหรือตายระหว่างคลอดได้ ถ้ารอดจะมีผลต่อการเจริญเติบโตและมีอาการผิดปกติของสมอง มีการพัฒนาด้านระบบประสาทที่บกพร่อง (Neurologic cretinism) หรือที่เรียกว่าโรคเอ๋อ มีลักษณะตัวเตี้ย แคระแกร็น
- ทารกแรกคลอด หากมีภาวะขาดไอโอดีน จะมีอาการต่อมไทรอยด์โตทำให้เป็นโรคคอพอกและมีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism)
- เด็กก่อนวัยเรียน เด็กวัยเรียน เด็กวัยรุ่น และผู้ใหญ่ หากมีภาวะขาดไอโอดีน ทำให้เป็นคอพอก มีภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism) และมีความบกพร่องด้านอารมณ์และจิตใจ เป็นคนเซื่องซึม เฉื่อยชา
การได้รับ ไอโอดีน มากเกินไป มีอาการอย่างไร
การได้รับไอโอดีนในปริมาณสูง อาจทำให้เกิดอาการ
- โรคคอพอก หรือภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์สังเคราะห์และหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไปซึ่งมีสาเหตุจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่ทำให้ต่อมไทรอยด์จับสารไอโอดีนมากทำให้เกิดการผลิตและหลั่งฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป
- การได้รับไอโอดีนในปริมาณที่มากเกินเรื้อรังอาจทำให้เกิดต่อมไทรอยด์อักเสบและเป็นโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้ อาการผิดปกติเช่น
- อาการทางระบบประสาท
- อัตราการเต้นของหัวใจสูง
- นอนไม่พอ
- อ่อนเพลีย
- เหงื่อออกง่าย น้ำหนักลดทั้งที่กินมาก
- อาการเป็นพิษเฉียบพลัน ได้แก่ แสบปากคอและท้อง ไข้ อาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ชีพจรเต้นช้า

คุณต้องการ ไอโอดีน เท่าไร?
ปริมาณไอโอดีนที่เราควรได้รับในแต่ละวันขึ้นอยู่กับอายุและสภาพร่างกายของเรา( สถาบันสุขภาพแห่งชาติ:NIH) แนะนำดังนี้:
อายุ | ปริมาณสารอาหารที่แนะนำ |
---|---|
ทารกอายุ (0-6 เดือน) | 110 ไมโครกรัม |
ทารกอายุ (7-12 เดือน) | 130 ไมโครกรัม |
เด็กอายุ (1-8 ปี) | 90 ไมโครกรัม |
เด็กอายุ (9-13 ปี) | 120 ไมโครกรัม |
วัยรุ่นอายุ (14-18 ปี) | 150 ไมโครกรัม |
ผู้ใหญ่ | 150 ไมโครกรัม |
ผู้หญิง | 220 ไมโครกรัม |
สตรีให้นมบุตร | 290 ไมโครกรัม |
อาหารที่เป็นแหล่งของ ไอโอดีน
อาหารที่มีสารไอโอดีนตามธรรมชาติพบมากใน
- พืชและสัตว์ทะเลเช่น ปลาทะเล กุ้งทะเล สาหร่ายทะเล (ในปลาทะเล 100 กรัม มีสารไอโอดีนประมาณ 25-70 ไมโครกรัม สาหร่ายทะเลแห้ง 100 กรัม มีสารไอโอดีน 200-400 ไมโครกรัม)
- กุ้ง หอย ปู ปลา
- เกลือเสริมไอโอดีน
- น้ำปลาเสริมไอโอดีน
- ผัก เช่น ผักโขม ผักกาดเขียว บร็อคโคลี่
- ผลไม้ เช่น สตรอว์เบอร์รี่
- ผลิตภัณฑ์นม เช่น โยเกิร์ต นม ชีส
- รวมถึงสามารถพบในน้ำนมแม่ และนมสูตรสำหรับทารก
หมายเหตุ : เกลือทะเลและเกลือสินเธาว์ ไม่มีไอโอดีน เพราะไอโอดีนระเหยออกไปตอนตากน้ำทะเลให้เป็นเกลือ
การป้องกันการขาดไอโอดีน ทำอย่างไรบ้าง?
- ใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีนในการประกอบอาหารทุกวัน โดยตรวจดูฉลากบนซองเกลือที่ระบุว่า มีการเสริมไอโอดีน มีที่อยู่ของผู้ผลิตชัดเจน และมีเลข อย.
- รับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เช่น ปลาทู หอย กุ้ง ปู เป็นต้น
- เลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ เสริมไอโอดีนอื่น ๆ เช่น น้ำปลา ซอส ซีอิ๊ว เสริมไอโอดีน เป็นต้น
หมายเหตุ : อาหารไอโอดีนต่ำ (Low Iodine Diet) คือ การรับประทานอาหารที่มีไอโอดีนน้อยกว่า 50 ไมโครกรัมต่อวัน เหมาะกับผู้ป่วยที่จะได้รับการรักษาด้วยไอโอดีนกัมมันตภาพรังสี
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจหาระดับของ Iodine level
แหล่งอ้างอิง
- World Health Organization. (2007). Assessment of iodine deficiency disorders and monitoring their elimination: A guide for programme managers (3rd ed.). Geneva: WHO Press.
- National Institutes of Health. (2022). Iodine: Fact Sheet for Health Professionals. [ods.od.nih.gov]
- Zimmermann, M. B. (2011). The role of iodine in human growth and development. Seminars in Cell & Developmental Biology, 22(6), 645-652.