ไมโครนิวเทรียนท์ (Micronutrients) คืออะไร? เเละมีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย?
ไมโครนิวเทรียนท์ (Micronutrients) คือ สารอาหาร โมเลกุลขนาดเล็ก ที่ร่างกายต้องการในปริมานเพียงเล็กน้อย จำพวก วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้ง สารอาหาร จาก ผัก ผลไม้ หรือที่เรียกว่า ไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งสารอาหารต่างๆเหล่านี้ช่วยสนับสนุนการทำงานต่างๆร่วมกัน และมีความสำคัญอย่างมากต่อร่างกาย
ไมโครนิวเทรียนท์ สำคัญอย่างไร
เพราะ วิตามิน และ แร่ธาตุ เหล่านี้ทำหน้าที่หลากหลาย รวมถึงการช่วยให้ร่างกายผลิต เอนไซม์ ฮอร์โมน และสารอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการการพัฒนาตามปกติของร่างกาย
ทำไมต้องตรวจ ไมโครนิวเทรียนท์
เป็นการตรวจภาวะโภชนาการของร่างกาย เพื่อนำมาวางแผนด้านโภชนาการ หรือการดูแล วิตามินเฉพาะบุคคล มีรายการตรวจดังต่อไปนี้
ไมโครนิวเทรียนท์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
Micronutrients Profile :
- วิตามิน A (Retinol)
- วิตามิน B12
- วิตามิน C (Ascorbic acid)
- วิตามิน D2
- วิตามิน D3
- วิตามิน E (Gamma-Tocopherol)
- วิตามิน E (Alpha-Tocopherol)
- ลูทีนและซีแซนทีน (Lutein + Zeaxanthin)
- เบต้า-คริพโตแซนทิน (Beta-Carotene)
- ไลโคปีน (Lycopene)
- อัลฟ่า แคโรทีน (Alpha-Carotene)
- เบต้า แคโรทีน (Beta-Carotene)
- โคเอนไซม์ คิวเท็น (Coenzyme Q10)
- โครเมียม (Chromium)
- ทองแดง (Copper)
- ซีลีเนียม (Selenium)
- ธาตุสังกะสี หรือซิงค์ (Zinc)
- แมกนีเซียม (Magnesium)
- โฟเลต (Folate)
- เฟอร์ริติน (Ferritin)
ประโยชน์ของวิตามินและแร่ธาตุแต่ละตัว
- วิตามินเอ (Vitamin A)
- เป็น วิตามินละลายในไขมัน ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีความสําคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบสืบพันธุ์ และ การมองเห็น หากมีปริมาณทีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย จะเสี่ยงมีปัญหาเรื่อง สายตา ตาแห้ง ตาบอด ติดเชือง่าย
- Vitamin B12
- เป็น วิตามินที่ละลายน้ำ มีความสำคัญที่ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและ DNA ที่แข็งแรง ช่วยการทำงานของสมอง หากขาดวิตามินบี 12 อาจส่งผลต่อความจำและความรู้ความเข้าใจได้ แล้วยังช่วยเพิ่มระดับพลังงาน ลดความอ่อนแรง เหนื่อยล้า ป้องกันการเสื่อมของตา ลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคซึมเศร้า ความเสี่ยงในการขาดวิตามินบี 12 จะเพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มคนที่รับประทานมังสวิรัติ
- วิตามินซี (Vitamin C)
- เป็น วิตามินชนิดละลายในน้ำ ที่มีความสําคัญในการป้องกันการเกิดโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน ระบบ หัวใจและหลอดเลือด การดูดซึมธาตุเหล็ก และวิตามินซีมีผลต่อการสร้างเนื้อเยื่อ จึงส่งผลต่อ การซ่อมแซมผิวเมื่อเกิดแผล อีกทั้งยังมีผลต่อสุขภาพของกระดูกอ่อน กระดูก
- วิตามิน D2 และ D3 (Vitamin D2/D3)
- เป็น วิตามินดีสอง รูปแบบหลัก วิตามิน D2 มีอยู่ในพืชและยีสต์ ในขณะที่ D3 มาจากสัตว์ วิตามินดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกาย เช่น กระดูก กล้ามเนื้อ และภูมิคุ้มกัน ร่างกายมนุษย์สามารถผลิตวิตามินดีได้เมื่อถูกแสงแดด วิตามินดีจึงมีบทบาทสำคัญในการรักษามวลกระดูก ระบบประสาท และระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเราสามารถรับวิตามินดีได้จากแสงแดด อาหาร หรือวิตามินเสริม
- Vitamin E Gamma – Tocopherol)
- มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต่อต้านริ้วรอย ป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ และการเสื่อมลงตามอายุ
- Vitamin E (Alpha – Tocopherol)
- ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ การไหลเวียนโลหิต ภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ผิวสุขภาพดี
- ลูทีน (Lutein)
- เป็นสารประกอบจําพวกแคโรทีนอยด์ ที่ให้สีเหลือง และแดงในพืช ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูล อิสระที่มีความโดดเด่นในเรืองการป้องกันสุขภาพดวงตา จากการทําลายด้วยสารอนุมูลอิสระ และแสงยูวี หรือแม้กระทั่งแสงสีฟ้า เราสามารถพบสารนี้บนจอประสาทตาได้มาก เนื่องจาก มีความสามารถดูดซับแสงส่วนเกินที่เข้าสู่ดวงตา จึงสามารถป้องกันการเกิดจอประสาทตา เสื่อม
- ลูทีน พบได้ในผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักชี ผักโขมบล็อคโคลี
- ซีแซนทีน (Zeaxanthin)
- เป็นสารประกอบจําพวกแคโรทีนอยด์อีกชนิดหนึ่งที่พบมากบนจอประสาทตาปกป้องดวงตา จากแสงต่าง ๆ และสารอนุมูลอิสระ มักพบสารนีคู่กับลูทีน (Lutein) นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการปกป้องผิวจากการทําลายจากแสงแดด (UVB) อีกด้วย พบได้ในผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักชี ผักโขม บล็อคโคลี
- เบต้าคริพโตเเซนทีน (Beta – Cryptoxanthin)
- เป็นสารอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) เป็นสารตังต้นของวิตามินเอทีร่างกายสามารถ ดูดซึมได้ดีและนําไปใช้ได้ดี (Bioavailability) มีส่วนช่วยลดความเสียงทีจะเกิดมะเร็งปอด เเละมะเร็งลำไส้ใหญ่ และช่วยต้านการอักเสบของร่างกาย โดยเฉพาะการอักเสบทีส่งผลต่อความเสี่ยงต่อการเป็น รูมาตอยด์ พบมากใน ส้มแมนดาริน ลูกพลับ ส้ม มะละกอ ฟักทอง
- ไลโคปีน (Lycopene)
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ให้สีแดงในพืช ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทําลายจากสารต้าน อนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดเซลล์แบ่งตัวผิดปกติหรือเซลล์มะเร็ง พบในผลไม้สีแดงและชมพู เช่น มะเขือเทศ แตงโม และเกรปฟรุตสีชมพู
- แอลฟา-แคโรทีน (Alpha Carotene)
- เป็นสารอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (carotenoid) และเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ เช่นเดียว กับเบต้า-แคโรทีน แม้ว่าอัตราการดูดซึมจะน้อยกว่าเบต้า-แคโรทีน แต่มีงานวิจัยพบว่าช่วย ลดการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ หรือเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก ได้ดีกว่า พบได้ในฟักทอง แตงโม แคนตาลูป แครอท มะม่วงสุก บีทรูท
- เบต้า-แคโรทีน (Beta Carotene)
- เป็นสารกลุ่มรงควัตถุ (Pigment) ทีให้สีส้ม สีเหลือง และอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอจึงทําให้มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพ สายตา อีกทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องร่างกายจากความเสื่อม พบได้ใน ฟักทอง แตงโม แคนตาลูป แครอท มะม่วงสุก
- โคเอ็นไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10)
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากในไมโตรคอนเดรียของเซลล์ ช่วยทำให้เซลล์สร้างพลังงาน บำรุงหัวใจและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดความถี่ในการเป็นไมเกรน นอกจากนี้ยังสามารถลดความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า ผิวหนังถูกทำลาย และโรคทางสมองและปอด พบได้ใน ปลาทะเลนําลึก ผักโขม บล็อคโคลี งาดํา ถั่วพิตาซิโอ
- แมกนีเซียม (Magnesium)
- แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาททำงานเป็นปกติ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีน กระดูก และดีเอ็นเอ
- การขาดแมกนีเซียมมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยล้า และอ่อนแรง
- การขาดแมกนีเซียมอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดอาการชา ปวดกล้ามเนื้อ ชัก หัวใจเต้นผิดปกติได้ และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เบาหวานชนิดที่ 2 โรคกระดูกพรุน
- แมกนีเซียมมีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ช่วยให้กล้ามเนื้อและเส้นประสาททำงานเป็นปกติ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีน กระดูก และดีเอ็นเอ
- โฟเลต(Folate)
- เป็นวิตามินบีที่จำเป็นต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในไขกระดูก สร้าง DNA และ RNA และเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงาน การมีโฟเลตในปริมาณที่เพียงพอมีความสำคัญเป็นพิเศษในช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น การตั้งครรภ์ วัยทารก และวัยรุ่น ในผู้ใหญ่คือช่วยในการบำรุงเลือด
- เฟอริติน(Ferritin)
- ตรวจดูภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดออกซิเจนในเลือด สามารถแสดงว่าร่างกายมีธาตุเหล็กมากเกินไปหรือน้อยเกินไป หรือใช้เพื่อวินิจฉัยโรคอื่นๆ
ทำไมเราถึงควรตรวจไมโครนิวเทรียนท์
เพราะการขาดสารอาหารเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพที่อันตรายได้ โดยสามารถนำไปสู่ผลกระทบต่อความสามารถโดยรวม อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และเพิ่มความเสี่ยงจากโรคและสภาวะปัญหาสุขภาพอื่นๆ
เราสามารถป้องกันการขาดสารอาหารเหล่านี้ได้จากความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้องและการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่หลากหลาย รวมถึงการรับประทานอาหารเสริมในกรณีที่จำเป็น ซึ่งปริมาณความต้องการของไมโครนิวเทรียนท์ แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
ใครบ้างที่เหมาะกับการตรวจ Micronutrient Profile
การตรวจ ไมโครนิวเทรียนท์ เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีภาวะปกติที่อยากดูแลสุขภาพ ภาวะโภชนาการเป็นรากฐานของสุขภาพ การตรวจสอบและแก้ไขภาวะขาดสารอาหารเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาสุขภาพที่ดีในระยะยาว
- ผู้ที่มีภาวะผิดปกติ ที่อาจเกิดจากการขาดไมโครนิวเทรียนท์ ซึ่งอาจพบว่าทำให้เกิดโรคเบาหวาน อาการเหนื่อยล้า อารมณ์ผิดปกติ ควบคุมน้ำหนักได้ไม่ดี โรคกระดูกพรุน โรคหัวใจและหลอดเลือด ปวดไมเกรน ไม่สามารถอดทนต่อความเครียด มีภาวะความดันโลหิตสูง เป็นต้น