โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน คืออะไร?
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke คือ ภาวะสมองขาดเลือดที่เกิดจากหลอดเลือดสมองตีบ/อุดตันหรือมีเลือดออกในสมอง หรืออาการเส้นเลือดในสมองตีบ ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจน ส่งผลให้สมองตาย ผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์ทันที การรักษาอย่างรีบด่วนเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยลดความรุนแรงจากภาวะสมองตาย และรวมถึงลดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ และยังป้องกันความพิการและทุพพลภาพที่จะเกิดขึ้น
โรคหลอดเลือดสมองมี 3 ประเภท
- หลอดเลือดlสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic stroke)
- หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke)
- มีอาการของภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ (Transient Ischemic Attack) นำมาก่อน(ในผู้ป่วยบางราย)
ภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ (TIA) คืออาการโรคหลอดเลือดสมอง แต่อาการเป็นไม่นาน (น้อยกว่า 24 ชั่วโมง) แล้วอาการดีขึ้นได้เอง สาเหตุของ TIA เกิดจากสมองมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอเป็นระยะเวลาชั่วคราว ส่วนใหญ่จะมีอาการ 5-15 นาที แล้วอาการดีขึ้นเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรทำการพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการตรวจแยกระหว่างโรคหลอดเลือดสมอง และภาวะสมองขาดเลือดชั่วขณะ
สาเหตุการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหัวใจ
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- โรคไขมันในเลือดสูง
- การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ขาดการออกกำลังกาย
- ภาวะเครียด
อาการของโรคหลอดเลือดสมอง
- ขา หรืออ่อนแรงที่ใบหน้า สูญเสียความสามารถในการควบคุมใบหน้า ทำให้มุมปากตก ปากเบี้ยว
- ชา อ่อนแรงที่ระยางค์แขน-ขา ซีกใดซีกหนึ่ง อย่างฉับพลัน สูญเสียความสามารถในการเดิน ไม่สามารถทรงตัวได้
- มีอาการสับสน สูญเสียความสามารถในการพูด นึกคำไม่ออก
- มีปัญหาด้านการมองเห็น เช่น เห็นภาพซ้อน เห็นภาพไม่ชัด
- ปวดศีรษะรุนแรง
เมื่อคาดว่ากำลังเผชิญกับภาวะโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยและญาติควรยึดหลักปฏิบัติ “FAST” ดังต่อไปนี้
- F – Face : สังเกตใบหน้าขณะยิ้ม ว่ามีอาการมุมปากตก หรือ ปากเบี้ยวขณะยิ้มหรือไม่
- A – Arms : สังเกตความสามารถในการยกแขนทั้งสองข้าง ว่าสามารถยกได้ความสูงเท่ากัน หรือมีแขนข้างใดข้างหนึ่งตก ไม่มีแรงยกแขนหรือไม่
- S – Speech : ถามคำถามง่ายๆที่คาดว่าผู้ป่วยน่าจะตอบได้ ฟังการพูดของผู้ป่วยว่าสามาถพูดได้ชัด หรือสับสนในการตอบคำถามหรือไม่
- T – Time : หากเกิดอาการดังกล่าว ควรพบแพทย์ทันที
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยง
- ภาวะความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้
- การได้รับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ที่มากเกินความจำเป็น
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (cerebral aneurysm or arteriovenous malformation)
- มีประวัติการได้รับบาดเจ็บ อุบัติเหตุ
- มีโปรตีนสะสมผิดปกติในผนังหลอดเลือด (cerebral amyloidosis)
- ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
- โรคอ้วน ทานอาหารที่มีไขมันมาก และมีปริมาณโซเดียมสูง เช่นอาหารที่มีรสเค็ม อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป
- สูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่ต่อเนื่อง
- ดื่มสุรา
- ใช้สารเสพติด
โรคประจำตัวและความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง
- ภาวะความดันโลหิตสูง
- ไขมันคลอเรสเตอรอลสูง (LDLสูง)
- โรคเบาหวาน
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- โรคหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด atrial fibrillation, ภาวะหัวใจล้มเหลว โรคลิ้นหัวใจติดเชื้อ (infective endocarditis)
- โรคหลอดเลือดแดงที่คอตีบ (severe carotid or vertebral stenosis)
- ภาวะเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดผิดปกติ (Polycythemia vera or Essential thrombocytosis)
- ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (Thrombophilia)
- โรคหลอดเลือดผิดปกติแต่กำเนิด เช่น โรค Moyamoya, Cerebral autosomal dominant and subcortical leukoencephalopathy (CADASIL)
- มีการเซาะตัวของผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง (carotid or vertebral artery dissection)
ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- อายุ — ผู้สูงวัยอายุ 55 หรือมากกว่า มีโอกาสเสี่ยงสูงกว่าในการเกิดโรค มากกว่าคนหนุ่มสาว
- เชื้อชาติ— กลุ่มคนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันมีความเสี่ยงสูงกว่าในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองมากกว่าเชื้อชาติอื่น ๆ
- เพศ — เพศชายมีความเสี่ยงสูงมากกว่าเพศหญิงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง แต่เพศหญิงมักจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองเมื่ออายุมากขึ้น และพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
- การใช้ฮอร์โมน —การใช้ยาคุมกำเนิดหรือการใช้ฮอร์โมนบำบัด ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
วันนี้เราทุกคนสามารถดูเเลสุขภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เเละรู้ก่อนรักษาทัน ด้วยการตรวจเช็คสุขภาพสม่ำเสมอ อย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี โดยการตรวจเลือด/ตรวจสุขภาพ
โปรเเกรมตรวจภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจเเละสมองตีบตัน (รายละเอียดโปรเเกรม)